จับแก๊งห้องแล็บอินโดฯ – วันที่ 2 พ.ค. นิวยอร์กไทมส์ และ สเตรตส์ไทมส์ รายงานว่า ตำรวจอินโดนีเซียแถลงความคืบหน้ากรณีสะเทือนมาตรการรักษาความปลอดภัยทางสาธารณสุขของประเทศ
กรณีเจ้าหน้าที่ 5 คนของห้องปฏิบัติการในเมืองเมดัน บนเกาะสุมาตรา ต้องสงสัยว่านำก้านสำลีตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีสว็อบโพรงจมูกที่ใช้แล้วไปล้างทำความสะอาด บรรจุหีบห่อ และนำกลับมาใช้ซ้ำอีกครั้ง แถมยังตรวจไปมากถึง 2,000 คนนั้น
ถูกจับกุมและอยู่ระหว่างสอบปากคำดำเนินคดี หากศาลพิพากษาว่าผู้ต้องสงสัยมีความผิดจริงฐานฉ้อโกง ละเมิดกฎหมายปกป้องผู้บริโภค ละเมิดข้อบังคับว่าด้วยการกำจัดขยะทางการแพทย์ และกฎหมายโรคติดต่อ อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 6 ปี
รายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทั้งห้าคนได้รับเงินราว 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 62,000 บาทต่อวัน เป็นค่าบริการที่เรียกเก็บจากผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 ซึ่งแต่ละวันเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ใช้ก้านสำลีใหม่สว็อบประชาชน 100 คน ส่วนผู้เข้าตรวจอีก 150 คนจะใช้ก้านสำลีเก่าในการสว็อบ และลักลอบทำอย่างนี้มานานหลายเดือน
กระทั่งตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสต้องสงสัย จึงส่งตำรวจนายหนึ่งออกปฏิบัติการนอกเครื่องแบบ ทำทีขอเข้าตรวจหาเชื้อที่ศูนย์ตรวจของบริษัทคิมิอาฟาร์มาที่สนามบินกูวาลานามู ในเดอลีเซอร์ดัง จังหวัดสุมาตราเหนือ และต่อมาผลก็ได้ผลบวกที่ผิดพลาด เนื่องจากผลตรวจอีกครั้งเป็นลบ
ตำรวจเลยนำกำลังบุกไปยังห้องปฏิบัติการต้องสงสัยเมื่อวันที่ 27 เม.ย. พร้อมจับกุมและยึดของกลางเป็นก้านสำลีรีไซเคิลหลายร้อยแท่ง เงินสดกว่า 310,000 บาท และคอมพิวเตอร์ที่ใช้พิมพ์เอกสารรับรองการตรวจหาเชื้อ
ขณะเดียวกันตำรวจเร่งตรวจสอบว่ามีผู้ตรวจติดไวรัสมรณะหรือไม่ รวมทั้งจะเดินหน้าสุ่มตรวจการทำงานของห้องปฏิบัติการทั่วประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยสูงสุด
ข่าวจาก : Khaosod Online
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ