ไฟเขียวเสนอ’ต้มยำกุ้ง’ ขึ้นทะเบียนมรดกฯที่จับต้องไม่ได้





“อิทธิพล คุณปลื้ม” รมว.วัฒนธรรม(วธ.) เผยครม.เห็นชอบให้วธ.เสนอ “ต้มยำกุ้ง” ต่อยูเนสโก เพื่อขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ” ชี้เป็นอาหารที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนเกษตรกรรม และสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้วธ.เสนอ “ต้มยำกุ้ง” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ต่อองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก

โดยที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติกับยูเนสโกแล้ว 2 รายการ คือ โขน เมื่อปี 2561 และนวดไทย เมื่อปี 2562 โดยมีรายการ “โนรา” และ “สงกรานต์ในประเทศไทย” ที่เสนอไปแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณาของยูเนสโก ส่วนในปี 2564 ประเทศไทยจะได้เสนอรายการ “ต้มยำกุ้ง” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกต่อไป

นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า วธ.โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เห็นความสำคัญของต้มยำกุ้ง อาหารประจำชาติที่ขึ้นชื่อ และเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ด้วยเป็นอาหารที่มีคุณค่าสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนเกษตรกรรมริมแม่น้ำลำคลองในภาคกลางของไทยที่มีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารอย่างเรียบง่าย พึ่งพิงธรรมชาติและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีการสืบทอดการทำต้มยำกุ้งในครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง

มีผู้ประกอบวิชาชีพด้านอาหารทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ บุคคล หน่วยงานต่างๆ ที่เป็นเจ้าขององค์ความรู้ ซึ่งภูมิปัญญาการทำต้มยำกุ้งนอกจากจะมีการสืบทอดอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังแพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์สูตรต้มยำกุ้งที่แปลกใหม่มากมายที่ตอบสนองต่อสภาพทางภูมิศาสตร์ วิถีชีวิต และรสนิยมทางอาหารที่แตกต่างกันไปของคนกลุ่มต่างๆ ทั้งนี้ การเสนอต้มยำกุ้ง เพื่อขึ้นทะเบียนกับยูเนสโก นอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยแล้ว

ยังกระตุ้นให้ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าในมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ในความหลากหลายของอาหารไทย สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่ออาหารของไทยในระดับนานาชาติ ทั้งยังสร้างโอกาสทางการตลาดให้ธุรกิจอาหารไทย เกิดการสร้างงานและรายได้ให้แก่ผู้ผลิตวัตถุดิบ ได้แก่ เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ผู้ส่งออก และผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย

นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า สำหรับสิ่งที่ประเทศไทยต้องดำเนินการหากต้มยำกุ้งได้รับการขึ้นทะเบียน คือ การจัดทำรายงานสถานะปัจจุบันของมรดกวัฒนธรรมฯที่แสดงถึงผลสำเร็จ ปัญหา และอุปสรรคในการดำเนินการสงวนรักษา และดำเนินการตามมาตรการการสงวนรักษาต้มยำกุ้งอย่างเคร่งครัด เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและความมั่นคงด้านอาหาร และส่งเสริมการศึกษาวิจัยการพัฒนานวัตกรรมอันเกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านอาหาร ทั้งการศึกษาในระบบและนอกระบบ เช่น เทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับการถนอมอาหาร คุณภาพของวัตถุดิบ และการรักษาความสดใหม่รวมทั้งคุณค่าทางโภชนาการ การส่งเสริมการตลาดเพื่อเพิ่มความต้องการการบริโภคอาหารไทยให้ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอาหาร ธุรกิจการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศ

ข่าวจาก : เดลินิวส์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: