อยากรวยแต่ไม่อยากเสี่ยง…4 กลยุทธ์พื้นฐาน พิชิตความเสี่ยงในตลาดหุ้น





พูดถึงเรื่องการลงทุน ก็ต้องรู้ว่า มันมาพร้อมกับความเสี่ยง ยิ่งการลงทุนในตลาดหุ้น เราก็ยิ่งเห็นว่า ความเสี่ยง มันชัดเจนมากกกว่าการลงทุนในประเภทอื่นๆ นักลงทุนระดับโลก หรือกองทุนข้ามชาติที่เงินหนา รู้ดีว่า การจะเอาชนะผู้เล่นคนอื่นในตลาด สิ่งสำคัญไม่ใช่การหาผลตอบแทนให้ได้ดีที่สุด เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการควบคุมความเสี่ยงในเหมาะสม จัดการกับมันไม่ให้มารุกรานพอร์ตการลงทุนจนเสียหาย

และนี้คือกลยุทธ์ที่นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญบอกมาว่า นักลงทุนรายย่อยควรทำ เพื่อการปราบความเสี่ยงให้อยู่หมัดครับ

1. Focus on long term investment

หัวใจสำคัญที่จะทำให้เรารอดพ้นจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ก็คือ ตั้งเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว ซึ่งผลสรุปในระยะยาว ก็ออกมาค่อนข้างชัดเจน จากการศึกษาย้อนหลังไป 79 ปีในดัชนี S&P500 โดยการตั้งสมมติฐานว่า ลงทุนระยะยาวใช้เวลา 10 ปี นับตั้งแต่ปี 1925 เรื่อยมา พบว่า หากนักลงทุนสามารถยิดการลงทุนได้ยาว 10 ปี จะมีโอกาสกำไรสูงถึง 95% หรือ 75 ปี จากทั้งหมด 79 ปี โดยยอดการลงทุนที่ขาดทุน เป็นสามาเหตุมาจากการไปขายทิ้งในช่วงที่ตลาดเกิดฟองสบู่ทั้งหมด 4 ครั้งพอดี คือปี 1938, 1939, 2008 และปี 2009 ซึ่งหากนักลงทุนถือต่ออีกอย่างน้อย 3 ปี การลงทุนจะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกทันที

446.1

 

2. Diversify your investment

การกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นมากกว่า 1 ตัว ในอุตสาหกรรม หรือประเภทหุ้นที่แตกต่าง วิธีนี้ ในระยะสั้น อาจไม่เห็นผลชัดเจน และคิดไปได้ว่า เป็นกลยุทธ์ที่ผิด ยกตัวอย่างตลาดกระทิงในไทยตั้งแต่ช่วงปี 2010-2013 เป็นต้นมา พบว่า หุ้นกลุ่ม Growth Stock ให้ผลตอบแทนสูงกว่ากลุ่ม Defensive Stock มากกว่าเท่าตัว หรือกรณีปี 2004-2006 ที่หุ้น Small Cap ทำผลตอบแทนฉีกออกจากหุ้นกลุ่ม Big Cap แบบขาดลอย ทำให้นักลงทุนจ้องที่จะพยายามทำ Market Timing และเลือกลงทุนตามกระแสด้วยการซื้อหุ้นไล่ราคาตามนั้น แต่ผลสรุปจากทั้ง 2 ช่วงเหตุการณ์พบว่า เมื่อตลาดหุ้นเกิดการปรับฐาน ทั้งกลุ่ม Growth Stock และ Small Cap ต่างขาดทุนเกินกว่า 30% ซึ่งเป็นการขาดทุนที่นักลงทุนไม่ทันได้รับมือ และยากเกินกว่าจะทำใจ Cut Loss ไปได้ ดังนั้น การกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นหลากหลายกลุ่ม จึงเป็นกลยุทธ์ที่ควรทำ เพราะไม่มีใครในโลกนี้รู้ว่า เมื่อใดที่ตลาดหุ้นจะจบรอบตลาดกระทิง หรือหุ้นตัวนั้นจะวิ่งไปถึงเมื่อใด

[ads]

3. Invest Regularly

คำที่ได้ยินบ่อยกว่า นั้นก็คือ Dollar Cost Average (DCA) ด้วยวิธีนี้ นักลงทุนไม่จำเป็นต้องไปพยายามวิเคราะห์ตลาดว่า อยู่ในช่วงวัฏจักรใด เพราะการลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าๆกันสม่ำเสมอ เมื่อตลาดขาลง ราคาหุ้นตกลง นักลงทุนจะได้จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น และเมื่อตลาดขาขึ้น ก็ได้จำนวนหน่วยที่ลดลง เป็นการบริหารหน้าตักเราโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ DCA นี้ นักลงทุนจะต้องมีวินัยอย่างสูงสุด ห้ามใส่ความกลัวและความโลภเข้าไปในการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

446.2

 

4. Keep in touch with your financial advisor

คำว่า financial advisor ในที่นี้ หมายถึง นักวางแผนการเงิน ไม่ใช่เจ้าหน้าการตลาดอย่างที่เรารู้จักเพียงอย่างเดียว โดยนักวางแผนการเงิน หรือที่ปรึกษาการเงินนั้น จะถูกอบรม และทดสอบ ด้วยหลักสูตรเข้มข้น เพื่อการแนะนำให้ลูกค้า หรือนักลงทุน สามารถทำได้ตามแผนการเงิน และบรรลุเป้าหมาย การมีเพื่อนคู่คิดและคอยชี้แนะ ให้กำลังใจนักลงทุนอยู่ข้าง ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น จงพยายาม financial advisor ที่คุณสามารถไว้ใจได้นะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก iammrmessenger.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย ThaiJobsGov.com

[ads=center]

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: