ระวัง! สารอันตรายที่ทำให้หน้าพัง





เคยสังเกตฉลากข้างผลิตภัณฑ์กันบ้างรึเปล่าว่ามีส่วนผสมอันตรายเหล่านี้อยู่หรือไม่? หลายคนอาจตกใจกับคำเกริ่นนำรีบจัดแจงเอาเครื่องสำอางของตัวเองมานั่งส่องว่ามีสารอันตรายอะไรบ้าง แต่ก็น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันมีอันตรายมากเพียงใดและที่สำคัญไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสารดังกล่าวเป็นสารอันตราย บทความนี้จึงหยิบยกสารบางชนิดที่จัดว่ามีอันตรายหากได้รับเกินปริมาณที่กำหนด

โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (SLS: Sodium Lauryl Sulfate)
สารตัวแรกเราอาจคุ้นเคยกันดี เพราะสารตัวนี้มีคุณสมบัติลดแรงตึงผิวของน้ำ ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกและคราบไขมัน และทำให้เกิดฟองพบในสบู่ โฟมล้างหน้า แชมพู และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา เรียกได้ว่ายากที่จะหลีกเลี่ยงเนื่องจากสารตัวนี้ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลายชนิด ผลข้างเคียงที่จะเกิดเมื่อมีอาการแพ้หรือได้รับสารตัวนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานคือ ผิวหนังอักเสบ เกิดสิว หรือผื่นแดง เป็นต้น นอกจากนั้นยังเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราด้วย ปัจจุบันมีการนำสาร Sodium Laureth sulfate (SLES) ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยกว่ามาใช้ การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จึงควรดูสักนิดว่ามีสาร SLS หรือไม่

พาราเบน หรือสารกันเสีย (Paraben Preservatives)
เมธิลพาราเบน (Methylparaben) และ เอธิลพาราเบน (Ethylparaben)  ถูกนำมาใช้ใน แชมพู ครีมนวดผม สบู่เหลวอาบน้ำ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวด้วย อันตรายของสารกันเสียคือก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง เนื่องจากดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังของเราได้อย่างรวดเร็ว หลายคนอาจไม่เคยสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ที่ตนเองใช้บำรุงผิวมีสารกันเสียอยู่ในปริมาณเท่าใดมากหรือน้อย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าเครื่องสำอางบางชนิดมีวันหมดอายุที่ไม่ชัดเจนซึ่งคนส่วนใหญ่ก็นับจากวันที่ผลิตประมาณ 1 – 2 ปี ด้วยเหตุนี้เองผู้ผลิตจึงหาวิธีที่ทำให้เครื่องสำอางอยู่นานขึ้น โดยการใส่สารกันเสีย หรือสารกันบูดที่เรารู้จักกันดีลงไปในเครื่องสำอางด้วย พาราเบนจึงเป็นสารอีกตัวที่ควรหลีกเลี่ยง

สารมิเนอรัล ทัลค์ (Mineral Talc)
สำหรับสารตัวนี้พบได้ทั่วไปในแป้งฝุ่นทาตัวถึง 90% บางประเทศไม่อนุญาตให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารมิเนอรัล ทัลค์ แต่ในบ้านเรายังคงมีจำหน่ายอยู่และมีอย่างแพร่หลายเป็นเรื่องปกติ ผลข้างเคียงของสารชนิดนี้เมื่อได้รับการสูดดมคือ เป็นสารก่อมะเร็งต่อมหมวกไตชนิดหายาก มะเร็งรังไข่(พบในหญิงที่ใช้แป้งฝุ่นทาตัวประจำ) และโรคปอด

กรดวิตามินเอ (Retinoic Acid)
พบมากในผลิตภัณฑ์รักษาสิว เพราะมีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และลดการอุดตันของรูขุมขน กรดวิตามินเอจึงเป็นพระเอกของใครหลายคนที่กำลังรักษาสิว แต่ในข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย เนื่องจากเป็นสารที่มีความรุนแรงมากพอสมควรหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจะเกิดอาการ แสบร้อน อักเสบ ผิวลอก ผื่นแดง ผิวหนังแห้งเป็นขุย และระคายเคือง การใช้กรดวิตามินเอจึงควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและปฏิบัติตามข้อบ่งใช้อย่างเคร่งครัด

 

อ้างอิง : http://www.iweddingskincare.com/

http://www.womanandkid.com/index.php/womanhealth/8-healthknowledge/165-dangerous-chemicals-in-cosmetics

https://wrinkleremoval.wordpress.com/2013/07/03/10

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: