ฉายหนังให้ผีดู! ตั้งจอกลางฮวงซุ้ย300หลุม-ลูกหลานเผา “แมสก์” ให้บรรพบุรุษ
ความเชื่อแปลก ฉายหนังกลางแปลง ให้ ผีดู ความเชื่อวันชิวอิก หรือ วันเที่ยวของเทศกาลตรุษจีน ประตู นรก-สวรรค์ จะเปิดให้ดวงวิญญาณร่องลอยมาพบเจอลูกหลาน
นายอนุศิษฐ์ หลิมศิริวงษ์ รองประธานมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ ฝ่ายสุสาน กล่าว วานนี้(11 ก.พ.) มีการจัดเทศกาลฉายหนังกลางแปลงให้ผีดู เพราะเป็นวันเทศกาลตรุษจีน ชาวจีนเรียกว่าวันชิวอิก หรือวันเที่ยว รวมถึงยังมีความเชื่อที่เล่าสืบทอดต่อกันมาว่า ประตูนรก-สวรรค์ จะเปิดเพื่อปล่อยให้ดวงวิญญาณของผู้ที่ล่างลับไปแล้วได้มารับส่วนกุศลหรือส่วนบุญที่ลูกหลานประกอบพิธีเซ่นไหว้ ซึ่งทางมูลนิธิทำมาทุกปีซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 56 จึงได้จัดการฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูที่ดูที่สุสานวัดมูลเหล็ก ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านดงชะพลู ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร
นายอนุศิษฐ์ รองประธานมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ ฝ่ายสุสาน กล่าวอีกว่า การ ฉายหนังกลางแปลงมอบความบันเทิงให้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษชาวจีน รวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีนที่ล่วงลับไปแล้ว และฝังอยู่ที่สุสานแห่งนี้จำนวน 300 กว่าหลุม โดยฉายหนังกลางแปลงแบบนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2508 นับถึงปีนี้รวม 56 ปีเต็ม โดยปีนี้จะฉาย ภาพยนตร์ ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 โป่งเซียง ซึ่งเป็นภาพยนตร์สำหรับไหว้เจ้าที่และวิญญาณบรรพบุรุษ เรื่องที่ 2 คือ เรื่องโครตคนล่าขุมทรัพย์ ป่านรก และเรื่องที่3 คือ เรื่อง ฟัดหน้าใหญ่ต่อใหญ่ แต่ปีนี้ทำแปลกกว่าทุกปีจะมีการทำแมสก์กระดาษ เผาไปให้ กับบรรพบุรุษ ผู้วายชน
การฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูเริ่มฉายหลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าทันที ฉาย 3 เรื่อง กว่าจะจบ ก็เกือบเที่ยงคืน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างวังเวง จะมีผู้ชมก็แค่เพียงกรรมการของมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ และคนเฝ้าสุสาน 10-15 คน เท่านั้น ที่ใจกล้า ใจถึง นั่งดูอยู่เป็นเพื่อนกัน
นายบุญเชิด คุ่ยคร้าม เจ้าของและผู้จัดการบุญเชิดภาพยนตร์ กล่าวว่า ตนเองเดินทางมาฉายภาพยนตร์ให้กับวิญญาณบรรพบุรุษชมมากว่า 50 ปี ประสบการณ์ที่ชวนขนหัวลุกขนพองสยอง ว่า เมื่อ หลายปีก่อนตนเองมาตั้งเครื่องฉายหนัง แต่เริ่มพลบค่ำจู่ๆก็ปรากฏร่างชายชาวจีนสูงอายุลักษณะเหมือนอาแปะแก่ๆ นุ่งกางเกงขาก๊วย ใส่เสื้อคอกลมสีขาวแบบคนจีน โผล่มายืนข้างๆตนที่กำลังใส่ฟิลม์จะฉายหนังมาชวนคุยถามว่า วันนี้ฉายหนังเรื่องอะไรบ้าง ตนเองก็ตอบไปว่า ฉายหนัง 3 เรื่อง ส่วนเป็นเรื่องอะไรนั้นจำไม่ได้แล้ว ขณะพูดคุยอยู่นั้นตนเองก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับเครื่องฉาย พอสิ้นเสียงของการพูดคุย ตนเองจึงเงยหน้าขึ้นมา ก็ปรากฏว่าอาแปะคนดังกล่าวหายวับไปกับตา ทำเอาตนเองขนหัวลุก
