กระทรวงการคลังชี้แจงข้อวิจารณ์ โครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช้อปดีมีคืน





กระทรวงการคลังชี้แจงข้อวิจารณ์ โครงการคนละครึ่ง ว่าจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัว รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยการกระตุ้นและรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ เพื่อรักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 และไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 ซึ่งประกอบด้วย

(1) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน เพื่อช่วยเหลือเยียวยา เพิ่มกำลังซื้อ และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มดังกล่าว เพิ่มเติมเดือนละ 500 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน จากเดิมที่ภาครัฐได้ช่วยเหลืออยู่แล้วประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เช่น วงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้า 200/300 บาท/คน/เดือน วงเงินค่ารถ บขส. 500 บาท/คน/เดือน วงเงินค่ารถไฟ 500 บาท/คน/เดือน เป็นต้น

(2) โครงการคนละครึ่ง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยมีกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 15 ล้านคน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอย มีรายได้จากการขายสินค้า โดยขณะนี้ มีผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการประมาณ 1 ล้านร้านค้า โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564

(3) มาตรการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี โดยผู้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้มีประมาณ 3.7 ล้านคน

จะเห็นได้ว่า รัฐบาลมีความต้องการดูแลประชาชนให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังได้มีการดูแลประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ผ่านมาตรการและสวัสดิการอื่น ๆ ของรัฐ ซึ่งงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินมาตรการหรือโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล มาจากแหล่งรายได้ของรัฐ รวมทั้งเงินกู้ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามปกติ

ในส่วนของโครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนนั้น เนื่องจากเป็นการร่วมจ่าย กลุ่มเป้าหมายจึงเป็นผู้ที่พอจะมีรายได้เพื่อมาร่วมจ่ายกับรัฐ ซึ่งเป็นการสร้างอุปสงค์ที่แท้จริง ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอย รวมไปถึงผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยรักษารักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง

โครงการคนละครึ่งมีองค์ประกอบที่สำคัญของโครงการ คือ ระบบการใช้จ่ายด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ที่ต้องมีการลงทะเบียนและใช้ OTP รวมทั้งยืนยันตัวตนว่าเป็นเจ้าของโทรศัพท์จริง เพื่อประโยชน์แก่ผู้ใช้ให้มั่นใจว่าสิทธิจะไปถึงตัวของท่านจริง ไม่มีผู้อื่นมาใช้สิทธิแทน และมีการใช้จ่ายจริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้กับประชาชนจนถึงระดับฐานราก ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาให้สังคมไทยเดินหน้าสู่ Digital Society ไปพร้อม ๆ กัน ในขณะเดียวกันยังเป็นการลดการใช้เงินสด ทำให้การดำเนินโครงการโปร่งใส รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขอยืนยันว่า ระบบการลงทะเบียนและการยืนยันตัวตนของโครงการคนละครึ่ง ซึ่งรวมถึงระบบการส่ง OTP เป็นระบบที่เป็นมาตรฐานสากล โปร่งใส และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

อ้างอิง สถานีข่าวกระทรวงการคลัง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: