เตือนประชาชน “10จังหวัด” ชายแดนติดเมียนมา ระวังโควิด-19!!





โฆษก ศบค. เผย ติดเชื้อเพิ่ม 22 คน วอนประชาชน 10 จังหวัด ติดเมียนมา ปฏิบัติมาตรการเข้ม! สวมหน้ากาก-ล้างมือ ต้านการแพร่ระบาด โควิด-19

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 28 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า

ที่ประชุมรับทราบรายงานสถานการณ์โควิด-19 ในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยในประเทศพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22 คน อยู่ในสถานที่กักกันตัวของรัฐ รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,545 คน หายป่วยแล้ว 3,369 คน รักษาตัว 117 คน เสียชีวิต 59 คน

สำหรับผู้ติดเชื้อใหม่ คนแรก เป็นนักเรียนชายไทย อายุ 13 ปี เดินทางมาจากปากีสถาน ถึงไทยวันที่ 13 ก.ย. ตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ และตรวจซ้ำในวันที่ 26 ก.ย. พบติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ รักษาตัวอยู่ที่ จ.ชลบุรี

และ 16 คน มาจากซูดานใต้ เป็นชายไทย อาชีพรับราชการทหาร เดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจ โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำในวันที่ 22 ก.ย. กักตัวที่จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อวันที่ 26 ก.ย. พบเชื้อทั้งหมด โดยไม่แสดงอาการ เข้ารักษาตัวที่รพ.พระมงกุฏเกล้าฯ กทม. อีก 1 คนเป็นชายไทย อายุ 24 ปี รับราชการทหาร เดินทางมาจากฟิลิปปินส์ รักษาตัวที่รพ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี

อีก 4 คนที่เหลือ 2 คนแรก เป็นมารดาและบุตรสาว สัญชาติอินเดีย อายุ 35 ปีและ 7 ปี คนที่สาม เป็นชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 38 ปีเป็นกรรมการบริษัท มีใบอนุญาตทำงาน เดินทางมาถึงไทยวันที่ 23 ก.ย. ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 26 ก.ย.

ผลตรวจพบเชื้อ โดยไม่มีอาการ เข้ารับการรักษารพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. คนสุดท้าย เป็นชายสัญชาติอินเดีย อายุ 30 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มาถึงไทยเมื่อวันที่ 25 ก.ย. และตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม.

ด้านสถานการณ์โลก พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 33,281,318 คน กลับบ้านแล้ว 24,595,002 คน รักษาใน โรงพยาบาล 7,684,561 ราย เสียชีวิตสะสม 1,001,755 ราย โดยสหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล รัสเซีย และโคลัมเบีย พบผู้ติดเชื้อสูงสุดตามลำดับ

ขณะที่ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 138 นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อในเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้านชายแดนติดกับไทย มีผู้ติดเชื้อ 10,734 คน และพบเชื้อต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือประชาชนบริเวณขอบชายแดนติดต่อระหว่างไทยและเมียนมา 10 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ในการดูแลพื้นที่ชายขอบของประเทศไทย

และรักษามาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาด โดยสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ป้องกันก่อนที่จะมีวัคซีน เนื่องจากก่อนหน้านั้นสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อระหว่างอินเดียและบังกลาเทศ เคยมีการแพร่ระบาดและได้ลุกลามเข้าสู่เมียนมามาก่อนแล้ว

ในส่วนของการตรวจคัดกรองเพื่อเฝ้าระวังที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ได้เริ่มตรวจตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.จำนวน 2,462คน ยังไม่พบมีผู้ติดเชื้อ ทั้งนี้ ยังคงตรวจคัดกรองต่อเนื่อง โดยตรวจในประเทศผ่านห้องปฏิบัติการเครือข่าย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 229 แห่งไปแล้ว 977,854 ตัวอย่าง พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือในการใช้แอพพลิเคชัน เพื่อยืนยันและติดตามบุคคลในกรณีสงสัย ซึ่งขณะนี้มีคนลงทะเบียนใช้แล้วประมาณ 45 ล้านคน

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในเมียนมาซึ่งเพิ่มขึ้นมากถึงหลักหมื่นคน ศบค.ได้พูดคุยถึงความเป็นไปได้ถึงข้อเสนอของ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญ ส่งทีมแพทย์เข้าไปตรวจสอบหาเชื้อในเมียนมาหรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า โดยหลักการของการจัดการหรือควบคุมโรคติดต่อ ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีความร่วมมืออย่างดี ทั้งไข้มาลาเรีย ไข้เลือดออก ก็ร่วมมือกันอย่างดี ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ และองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ในพื้นที่

พูดคุยหารือกับประเทศต้นทางการระบาด ซึ่งเราพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจ โดยอย่างน้อย 10 จังหวัดชายแดนติดต่อกันซึ่งมีคนต่างชาติเข้ามา เราก็รอการตอบรับการร่วมมือในเชิงลึกมากขึ้น เพื่อดูแลประชาชนทั้งสองประเทศได้

เมื่อถามถึงกรณีหน้ากากอนามัยขณะนี้มีเพียงพอความต้องการหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ช่วงนี้ผ่อนคลายแล้ว คณะกรรมการเฉพาะกิจและคณะกรรมการบูรณาการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย

โดยนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมกันหลายรอบ มีการปรับแนวทางและหลักเกณฑ์การบริหารจัดการหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศเข้าสู่ระบบปกติตามกลไกตลาด ทั้งหลายบริษัทเอกชนก็หันมาทำและมีมาตรฐานมากขึ้น

และป้อนสินค้าเข้ามาในตลาดมากขึ้น เมื่อประเมินแล้วสามารถกำหนดให้ผู้ผลิตจำหน่ายตามกลไกปกติแล้ว และสามารถกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ผลิตผลิตจำหน่ายให้รัฐได้ทันทีที่ภาครัฐมีความจำเป็นและเกิดวิกฤตเร่งด่วน และให้จำหน่ายปลีกไม่สูงกว่าชิ้นละ 2.50 บาท

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้รับคำชื่นชม เกิดขึ้นจากการความร่วมมือในการใช้หน้ากากอนามัย สถานการณ์ขณะนี้แม้จะผ่อนคลายแต่ประชาชนยังต้องเข้มงวด ถ้าเรายังเข้มงวด ก็จะได้ใช้มาตรการผ่อนคลายและเศรษฐกิจเราก็จะเข้มแข็งขึ้น

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: