อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง “บอส วรยุทธ” เสพโคเคน-ขับรถชนคนตาย เเจ้งพนง.สอบสวนเอาตัวมาฟ้อง





คณะทำงาน อสส.สั่งฟ้อง “บอส”วรยุทธ เสพโคเคน-ขับรถชนคนตาย ตามพยานหลักฐานใหม่ สั่งเเจ้งพนักงานสอบสวนเอาตัวมาฟ้อง

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.63 ที่ห้องประชุม301สำนักงานอัยการสูงสุด มีการเเถลงข่าวของ สำนักงานอัยการสูงสุดจากคำคำสั่งอัยการสูงสุดที่ 1400/2563 ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว ตาม ป.วิอาญามาตรา 147 ที่นายอิทธิพร  แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา หัวหน้าคณะทำงาน นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เเละนายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศร่วมกันเเถลงข่าวความคืบหน้าในคดีโดยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม  2563 คณะทำงาน ได้ร่วมกันพิจารณาสำนวน และบันทึกความเห็นของคณะทำงานตามคำสั่งที่ พิเศษ/2563 ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ทำการสอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็น

และต่อมา ในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 และวันที่ 9 กันยายน 2563 พนักงานสอบสวนได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมจนครบถ้วนแล้ว

ครั้น ต่อมาในวันนี้ (วันที่ 18 กันยายน 2563) คณะทำงานได้ร่วมกันพิจารณาสำนวนพร้อมผลสอบสวนเพิ่มเติมทั้งหมดแล้วมีความเห็นโดยเอกฉันท์ ดังนี้

1.  คดีปรากฏพยานหลักฐานใหม่และเป็นพยานสำคัญแก่คดีซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้จึงสั่งฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส  อยู่วิทยา ผู้ต้องหา ในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ป.อาญา มาตรา 291

โดยแจ้งให้พนักงานสอบสวนนำตัวนายวรยุทธ หรือบอส  อยู่วิทยา มาเพื่อฟ้องต่อไป
2.  คดีมีพยานหลักฐานทั้งปรากฏในสำนวนอยู่เดิมและได้จากการสอบสวนเพิ่มเติม   แน่นแฟ้น มั่นคง ว่าขณะเกิดเหตุ ผู้ต้องหา เสพโคเคนอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2  จึงเห็นควรสั่งฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส  อยู่วิทยา ผู้ต้องหา ในข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 2    (โคเคนหรือโคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 58 , 91

โดยนายประยุทธ กล่าวว่าสำหรับคดีนี้ที่คณะทำงานมีคำสั่งฟ้องคดีใหม่ 2ข้อหามองว่าจะเป็นการกลับคำสั่งของนายเนตรซึ่งมีระดับสูงกว่า เเละสามารถสั่งใหม่ได้หรือไม่นั้น ว่า คำสั่งของครับทำงานชุดนี้ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงคำสั่งของนายเนตร เนื่องจากการสั่งคดีของคณะทำงานชุดนี้อาศัยอำนาจตามมาตรา 19 ของพรบ.องค์กรอัยการ ที่บัญญัติไว้ว่าไอ้การสูงสุดสามารถเรียกสำนวนทุกสำนวนมาสั่งคดีได้

ซึ่งคดีนี้ อัยการสูงสุด ได้อาศัยอำนาจตามมาตราดังกล่าวเรียกสำนวนมาแล้วตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสั่งคดี ถือเป็นการเริ่มสั่งคดีใหม่ตามพยานหลักฐานใหม่ ไม่เกี่ยวข้องกับการสั่งคดีของนายเนตร ก่อนหน้านี้ซึ่งจบไปแล้วจึงไม่ใช่คณะทำงานไปกลับความเห็นและคำสั่งของนายเนตรดังกล่าว สำหรับขั้นตอนต่อไปหลังจากที่ คณะทำงานมีคำสั่งฟ้องในวันนี้แล้วก็จะต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหามาเพื่อยื่นฟ้องต่อศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ กรณีนายเนตร นาคสุข  รองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหา ในข้อหา ขับรถ  โดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย และต่อมา พลตำรวจโทเพิ่มพูน ชิดชอบ   ผู้ช่วยผบ.ตร.  ไม่แย้งคำสั่งดังกล่าว เป็นผลให้คำสั่งไม่ฟ้องเสร็จเด็ดขาด ตาม ป.วิอาญา มาตรา 145/1 ซึ่งคณะทำงานที่มีนายสมศักดิ์  ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานได้เสนอความเห็นไปยังอัยการสูงสุดว่า

แม้คดีดังกล่าวจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องแล้ว แต่ปรากฏข้อเท็จจริงทางคดีว่าผู้ต้องหาได้เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคคาอีน) ด้วย แต่ยังไม่มีการดำเนินคดีใด ๆ กับผู้ต้องหาเกี่ยวกับการเสพยาเสพติดดังกล่าว อีกทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงซึ่งอาจเป็นพยานหลักฐานใหม่และเป็นพยานสำคัญ ที่จะพิสูจน์ให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้

จึงมีการตั้งคณะทำงาน นายอิทธิพร  แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายอุทัย สังขจร เลขานุการรองอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 นายนรา เขมอุดลวิทย์ เลขานุการผู้ตรวจการอัยการ เป็นคณะทำงาน

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: