คาด “8แสนคน” กระทบปมเลิกสัญญาคลินิก-รพ.โกงบัตรทอง





สปสช.ยืนยันจำเป็นต้องยกเลิกสัญญา คลินิก-โรงพยาบาล หลังขยายผลพบทุจริตเงินบัตรทอง กระทบประชาชน 800,000 คน ระบุ ประชาชนเข้ารับบริการหน่วยบริการของรัฐได้ทุกแห่งก่อน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แนะผู้ป่วย 4 กลุ่มเร่งด่วนติดต่อสายด่วน 1330

จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการไปใช้บริการโรงพยาบาลหรือคลินิกหลายแห่งในพื้นที่ กทม.แต่พบป้ายประกาศว่า  มีการยกเลิกเป็นเครือข่ายบัตรทอง และเตรียมให้ผู้ป่วยไปรักษาตามสิทธิบัตรทองที่โรงพยาบาลอื่น 

วันนี้ (18 ก.ย.2563) นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ สปสช.ได้ยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่ง เมื่อวันที่ 19 ก.ค.เนื่องจากตรวจสอบพบทุจริต ส่งผลให้กระทบประชาชนจำนวน 200,000 คน ในการดำเนินการระยะถัดไปจึงต้องการดำเนินการให้รอบคอบ แต่ สปสช.มีความจำเป็นต้องขยายผลหลังพบการทุจริต จนพบอีก 66 คลินิกมีข้อสงสัย และได้ดำเนินคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ค.

วันนี้เป็นวันที่มีผลในการบอกเลิกสัญญาคลินิกและโรงพยาบาล และยกเลิกความเป็นหน่วยบริการ ซึ่งจะกระทบประชาชนประมาณ 800,000 คน

นพ.การุณย์ ระบุว่า สปสช.มีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องบอกเลิกสัญญากับคลินิกและโรงพยาบาลเหล่านี้ เนื่องจากพบประชาชนถูกสวมสิทธิ โดยประชาชนกลุ่มนี้จะไม่ได้มีโอกาสคัดกรองความเสี่ยงโรคเบาหวาน และความดัน ทำให้ไม่รู้ตัวว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่ และไม่ได้เข้ารับการรักษา งบประมาณที่ถูกทุจริตก็เป็นงบประมาณของประเทศและมาจากภาษีประชาชน สปสช.จึงจำเป็นต้องดำเนินการ

 

ทั้งนี้ สปสช.ได้ประสานให้ กทม.ประสานหน่วยบริการในพื้นที่รองรับประชาชนทั้ง 800,000 คน ที่ได้รับผลกระทบ โดยทุกคนสามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลรัฐที่ใดก็ได้ใน กทม. หรือโรงพยาบาลและคลินิกที่เป็นคู่สัญญากับ สปสช. กรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากต้องการข้อมูลยาหรือผลเลือดครั้งก่อนๆ กทม.ได้เตรียมการไว้รองรับแล้ว โดยประชาชนสามารถขอข้อูมลจากคลินิที่รักษาได้ หรือขอรับข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. 

ขณะเดียวกัน สปสช.ยังได้เร่งหาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทดแทน เนื่องจากหน่วยบริการสุขภาพของภาครัฐต้องรองรับประชาชนกว่า 4 ล้านคน อาจทำให้เกิดความแออัดและได้รับการดูแลไม่ทั่วถึง ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายอยู่ระหว่างขึ้นทะเบียน โดย สปสช.อำนวยความสะดวกให้ ปรับเกณฑ์ให้ง่ายขึ้นเพื่อเข้ามาดำเนินการ

ประชาชนไม่ต้องกังวล ทุกคนที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยใดก็ได้ ที่อยู่ในหลักประกันสุชภาพแห่งชาติเบื้องต้น คือ เข้าใช้บริการที่หน่วยบริการของรัฐได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

แนะ 4 กลุ่มผู้ป่วยเร่งด่วน ติดต่อสายด่วน สปสช.

ด้าย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า สำหรับประชาชนที่เคยไปคลินิกไหน แล้วกลายเป็นคลินิกที่ไม่ได้เป็นหน่วยบริการคู่สัญญากับ สปสช.แล้ว สปสช.ได้แบ่งผู้ป่วยออกเป็น 4 กลุ่มเร่งด่วน ดังนี้

  1. ผู้ป่วยคลินิกชุมนุม กลุ่มโรงพยาบาลรับส่งต่อ ซึ่งโรงพยาบาลนัดผ่าตัดแล้ว สปสช. และ กทม.ได้ติดต่อขอรายชื่อรวมถึงประสานเตรียมโรงพยาบาลรองรับการรักษาต่อเนื่องไว้แล้ว
  2. ผู้ป่วยในโรงพยาบาล
  3. หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งนัดวันผ่าตัดหรือคลอดไว้แล้ว
  4. ผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตต่อเนื่อง

ทั้ง 4 กลุ่มถือเป็นผู้ป่วยเร่งด่วน สปสช.ได้ติดต่อไปแล้วบางส่วน หากใครยังไม่ได้รับการติดต่อ สามารถโทรมาได้ที่สายด่วน 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง โดย สปสช.เตรียมไว้ 60 คู่สาย หรือติดต่อมาได้ที่เฟซบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ ไอดีไลน์ 1330_2 โดยขอให้ระบุรายละเอียดได้แก่ ชื่อ เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรติดต่อกลับ และปัญหาที่พบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกลับ

กรณีฉุกเฉินไปที่ไหนก็ได้ เป็นโรงพยาบาลรัฐไปได้เลย เอกชนอยู่ในหลักประกันสุขภาพใช่ไหม ถ้าใช่ก็ไปได้ ต้องขออภัยในความไม่สะดวก แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่คลินิกทุกแห่งทุจริต แต่ตอนนี้ สปสช.พยายามทำให้ระบบเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นให้ได้มากที่สุด 

ข่าวจาก ThaiPBS

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: