เปิด 9ข้อเสนอ “ปรองดองชาติ” กมธ.กฎหมาย ดันเข้าสภาพรุ่งนี้





พรุ่งนี้ ในที่ประชุมสภาฯ จะพิจารณารายงานปรองดอง ของกมธ.กฎหมายฯ ข้อเสนอหลักมี9ข้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 13 สิงหาคม มีวาระพิจารณารายงานของกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ซึ่งมีเนื้อหาและสาระสำคัญเป็นข้อเสนอแนะ รวม 9 ข้อ  คือ 1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ และทำรัฐธรรมนูญฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 คือกติกาที่ทำให้เกิดความเห็นต่าง เป็นกลไกสืบทอดอำนาจ ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง

“ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที โดยนายกฯ ต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนต่อกรอบเวลาของกระบวนการแก้ไข ไม่เตะถ่วงการแก้ไข เพราะหากใช้เวลานานจะทำให้ความขัดแย้งแก้ไขได้ยาก ส่วนกระบวนการแก้ไขต้องยึดหลักนิติธรรมเคร่งครัด และไม่มีเจตนาแอบแฝงหรือทำประโยชน์เพื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล พร้อมรับฟังความเห็นของประชาชนทุกกลุ่ม และเมื่อแก้ไขแล้วเสร็จขอให้รัฐบาลเสียสละ ยุบสภาทันที และจัดเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ ทั้งนี้เสนอให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนทำรัฐธรรมนูญใหม่” 

2.นิรโทษกรรม แบ่งเป็น นิรโทษกรรมคดีการเมืองและคดีอาญาที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง  ตั้งแต่ปี 2548 ถึง ปัจจุบันยกเว้นคดีทุจริตและประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมีความเห็นเพิ่มเติมว่า การนิรโทษกรรมเฉพาะคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง แยกเป็น 2 กลุ่มคือ คดีที่รัฐกระทำต่อบุคคล และ คดีที่บุคคลละเมิดต่อบุคคล โดยตราเป็นกฎหมายพิเศษ เช่น พระราชบัญญัติ หรือ พระราชกำหนด 

3.ต้องเยียวยาและฟื้นฟูเหยื่อรวมถึงผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทุกฝ่าย โดยไม่จำกัดการเยียวยาเป็นตัวเงินเท่านั้น

4.การชุมนุมและสิทธิผู้ชุมนุม รัฐต้องรับรองและประกันเสรีภาพการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ไม่แทรกแซงหรือก่อกวนหรือประทุษร้ายจากบุคคลที่สาม ขณะเดียวกันการชุมนุมต้องมีขอบเขตจำกัดตามรัฐธรรมนูญกำหนด

5. ให้ผู้นำทุกฝ่าย โดยเฉพาะนายกที่บริหารประเทศขณะเกิดเหตุการณ์รุนแรงและนายกฯ​ที่บริหารประเทศปัจจุบัน แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์รุนแรงด้วยการขอโทษ

6.ใช้กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกระบวนยุติธรรมขององค์กรอิสระ และศาล

7. รัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง กลุ่มการเมืองทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวกับความขัดแย้งต้องรักษษบรรยากาศของความปรองดอง สมานฉันท์ และร่วมบริหารประเทศภายใต้กรอบ เคารพความเห็นต่าง

8.ข้อสังเกตเกี่ยวกับสื่อมวลชน ต้องยึดการทำงานภายใต้กรอบความรับผิดชอบตามจริยธรรมและหลักวิชาชีพ ไม่บิดเบือน และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและรอบด้าน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม รวมถึงไม่นำเสนอข้อมูลหรือถ้อยคำที่ทำให้เกิดการยั่วยุ เกลียดชัง

และ 9.ข้อสังเกตเกี่ยวกับกองทัพ เสนอเพิ่มคำถวายสัตย์ปฏิญาณของเหล่าทัพ ว่า “จะยึดมั่นในระบอบประชาธิปตยอันมีพระทหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะไม่ทำการปฏิวัติรัฐประหาร” เพราะการแทรกแซงการเมืองของกองทัพผ่านการรัฐประหาร ทำให้สังคมขาดการเรียนรู้ต่อการจัดการวิกฤตการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย และสร้างความไม่พอใจจากบุคคลที่ถูกคุกคาม และทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองซับซ้อนและบานปลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าตามรายงานฉบับดังกล่าว มีความเห็นและข้อเสนอแนะของแกนนำชุมนุมที่น่าสนใจ อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ระบุตอนหนึ่ง โดยเชื่อว่าการพูดคุยคือทางออกที่ดีที่สุด ทั้งนี้ 10  ปีที่ผ่านมา ความปรองดองถูกทำให้ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีใครใหัความสำคัญ และผู้มีอำนาจไม่ทำจริง ทั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 มีพระบรมราโชบายหลายครั้งเรื่องความรัก ความสามัคคี ความปลอดภัยของคนในชาติแนวทางแห่งความสงบ กรณีมาตรา 112 มีมาก แต่รัชกาลที่ 10 ไม่ดำเนินคดีใดๆ แม้มีผู้ถูกดำเนินคดีและสารภาพต่อศาล และศาลหารือกับสำนักพระราชวัง อ่านคำตัดสินในคำวินิจฉัยแสดงให้เห็นว่าท่านไม่ประสงค์จะเอาความใดๆ.

ข่าวจาก เนชั่นสุดสัปดาห์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: