• 1. ปลัดกระทรวงกลาโหม
  • 2. นายคำนูณ สิทธิสมาน  สมาชิกวุฒิสภา
  • 3. นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า
  • 4. พลเอก เอกชัย  ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า
  • 5. ดร. ภูมิ  มูลศิลป์ ประธานหลักสูตรนิติศาสตร์บัณฑิต คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • 6. นายจตุพร  พรหมพันธุ์  ประธานแนวร่วม นปช.
  • 7. นายสุริยะใส  กตะศิลา อดีตแกนนำ กลุ่มพันธมิตรฯ
  • 8. นายพิภพ  ธงไชย อดีตแกนนำ กลุ่มพันธมิตรฯ
  • 9. นายสำราญ  รอดเพชร อดีตแกนนำ กลุ่มพันธมิตรฯ และ อดีต แนวร่วม กปปส.
  • 10. นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ 

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวว่าความขัดแย้งในวันนี้ เปลี่ยนไปไม่เหมือนอดีต และสภาพการประเทศไทย ประสบความลำบากทางเศรษฐกิจ สังคมมีความโหดร้าย ฉะนั้น สถานการณ์ทางการเมือง จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าแต่ละฝ่ายยังยึดความเชื่อของตนเอง โดยขอให้ทุกฝ่าย ร่วมกันบ้านเมืองไว้

ส่วนการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษาในช่วงนี้ ก็ขอให้ยึดถือข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้ออย่างเคร่งครัด จึงจะได้รับการยอมรับจากประชาชน แม้ข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยุบสภา จะย้อนแย้งกัน เพราะถ้ายังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ยังเลือกตั้งภายใต้กติกาเดิม บ้านเมืองก็กลับมาเหมือนเดิม 

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ นักศึกษาจะต้องเคร่งครัดต่อข้อเรียกร้อง ไม่ไปก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะทำให้ข้อเรียกร้อง กลายเป็นจุดอ่อนทันที จะนำพามาซึ่งความสูญเสียมากมาย 

การเคลื่อนไหวของนักศึกษาในอดีต ที่มีความแข็งแรงได้เพราะถือธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์ แม้จะเกิดเหตุการณ์ล้อมปราบ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9” ก็ทรงเปิดสวนจิตรลดาให้ประชาชนเข้าไปหลบภัย มีการพระราชทานเพลิงศพวีรชนที่ท้องสนามหลวงมาแล้ว

นายจตุพร ยังย้ำด้วยว่า การเตือนดังกล่าว ไม่ได้ต้องการทำให้นักศึกษาเกิดความหวาดกลัว แต่แนะนำว่า ต่อสู้อย่างไรก็จะได้รับผลลัพธ์อย่างนั้น ถ้ายึดข้อเสนอ 3 ข้อ ไม่ก้าวล่วงสถาบัน ก็มั่นใจว่า จะได้รับแนวร่วมจากประชาชน แต่ถ้าไปก้าวล่วงสถาบัน ก็จะเกิดจุดจบเหมือนกัน  จึงกังวลจะเกิดความสูญเสียเหมือนในอดีต และขอให้นักศึกษาตั้งสติ และยึดมั่นว่า ประเทศไทยจะต้องปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงจะเป็นภูมิต้านทานของคนหนุ่มสาว

นายจตุพร ยังขอให้นายกรัฐมนตรี ลงมาพูดคุยกับนักศึกษา เพราะข้อเสนอต่าง ๆ สามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ ส่วนสภา ก็สามารถเป็นเวทีพูดคุย แสดงความเห็นส่งสัญญาณเตือนทุกฝ่าย และเรื่องนี้จะจบลงอย่างสง่างาม ด้วยการที่นายกรัฐมนตรี เปิดเวทีพูดคุยกับนักศึกษา ประกาศไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็จะเป็นทางออก

ข่าวจาก คมชัดลึกออนไลน์