นักธุรกิจดังเตรียมย้ายทรัพย์สินพ้นเซฟธนาคารดัง หลังทอง3แสนหาย-ตร.เผยไม่มีวงจรปิด





ตร.เผยไม่มีวงจรปิดตู้นิรภัย หลังทองคำ 3 แสน ‘เจ๊หนิง’ หาย เตรียมดูประวัติขายร้านทอง

จากกรณี นางสุภา เม่งช่วย หรือเจ๊หนิง อายุ 58 ปี นักธุรกิจชื่อดังรายใหญ่ของ จ.ตรัง ได้เดินทางเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังจากที่ทรัพย์สินซึ่งเป็นทองรูปพรรณที่ฝากไว้ในตู้เซฟนิรภัยของธนาคารกรุงไทย สาขาหน้าตลาด ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง มูลค่ากว่า 3 แสนบาท ได้เกิดสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย อีกทั้งไม่มีการรับผิดชอบใดๆ จากธนาคาร รวมทั้งมีการไปแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ผ่านมากว่า 1 เดือน กลับไม่มีคำชี้แจง หรือความคืบหน้าในทางคดี

ความคืบหน้าวันนี้ 17 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง ได้เดินทางไปพบกับนางสุภา หรือเจ๊หนิง ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้กล่าวความรู้สึกรวมทั้งความคืบหน้าหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ตนเองก็ได้ไปคุยกับทาง ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง ก็ได้ให้ความช่วยเหลือดีมาก รับปากว่าจะดำเนินการช่วยเหลือให้ และรับเรื่องไว้ในการดูแลแล้ว ทางธนาคารก็ได้ติดต่อมาแล้ว แต่ไม่ได้มีการพูดคุยกัน ในส่วนของธนาคารก็มีการแจ้งมาแค่เพียงว่าตอนนี้ได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามระบบของเขา ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากที่ไปแจ้งความดำเนินคดีผ่านมากว่า 1 เดือนแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย

ส่วนตัวไม่มั่นใจกับทางตำรวจเลย เพราะจริงๆ แล้วถ้าเรามั่นใจกับทางตำรวจ เรื่องที่ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมก็จะไม่เกิด เพราะทุกครั้งที่ตนเองโทรถามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับคำตอบเดิมๆ ว่าไม่มีหลักฐานที่จะจับตัวคนร้ายได้ ทั้งๆ ที่จริงคนที่เข้าออกห้องนั้นในห้วงระยะเวลา 3 วันมีแค่เพียง 3 คน แต่ทำไมถึงไม่มีข้อมูลใดๆ เราเป็นประชาชนคนธรรมดา เราก็นึกว่าถ้ามีผู้ต้องสงสัยเพียงแค่ 3 คน ทางตำรวจก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ เรารู้สึกว่าเราพึ่งพาตำรวจไม่ได้

“ขณะนี้ตนคิดว่าตนเข้าไปหาศูนย์ดำรงธรรมแล้วก็น่าจะมีความยุติธรรมและช่วยเหลือได้ และยังคงมีความหวังอยู่ ตนเองเชื่อมั่นในศูนย์ดำรงธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะได้หรือไม่ได้ เราก็รู้สึกว่าก็ยังมีคนที่ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับเราได้ หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวออกไป คนรอบข้างทั้งหมดก็บอกให้สู้ให้เต็มที่ เพราะความยุติธรรมมันมีอยู่บนโลก เราต้องสู้เพื่อความถูกต้อง ถ้าไม่ออกมาพูดเรื่องมันก็จะเงียบ ส่วนตัวตนเองเป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะทำให้ถึงที่สุด สู้เต็มที่ หลังจากหายไปก็รู้สึกเสียดาย หามาด้วยความยากลำบาก เหนื่อยมากกว่าจะได้มา หลังจากนี้ก็ยืนยันว่าจะย้ายที่เก็บทรัพย์สินอย่างแน่นอน เพราะเคยเชื่อมั่นมากว่า 20 ปี แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพราะผู้จัดการพูดไม่ดี เอาตัวรอดอย่างเดียว ปฏิเสธทุกอย่าง แถมยังหาว่าตนเป็นคนทำให้สูญหายเอง และไม่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือหรือหลักฐานใดๆ เลย โดยไม่อยากให้มันเกิดซ้ำ 2 อีก” เจ๊หนิงกล่าว

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.อนุชัย สวยงาม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ได้ปฎิเสธการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพียงแต่พูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยระบุว่า ตนเองได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อไปขอกล้องวงจรปิดกับธนาคารดังกล่าว แต่ทางธนาคารแจ้งว่าบริเวณดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิดเนื่องจากเป็นความลับของลูกค้า ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้จะต้องไปตรวจดูรูปพรรณของทองคำที่สูญหายไปก่อนว่าเป็นในลักษณะใด เพื่อที่จะได้ไปตรวจสอบตามบริเวณร้านค้าทองต่างๆ ในพื้นที่ รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงในเวลาที่มีการสูญหายไปว่ามีการนำทองในลักษณะดังกล่าวมาขายให้กับทางร้านหรือไม่ และยังได้สอบปากคำพยานไปแล้วจำนวน 3 ปาก ได้แก่ พนักงานธนาคารที่ถือกุญแจห้องดังกล่าวจำนวน 2 ราย รวมทั้งลูกค้าที่มีตู้เซฟนิรภัยในห้องเดียวกันอีกจำนวน 1 ราย รวมเป็น 3 ราย แต่ยังคงไม่มีเบาะแสใดๆ ที่สามารถเชื่อมโยงไปได้ ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายแจ้งว่าคดีไม่มีความคืบหน้านั้น ไม่ได้ล่าช้าแต่อย่างใด เพียงเพราะทางเราไม่มีพยานหลักฐานหรือภาพจากกล้องวงจรปิด

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: