ทำแผนฯนายช่างยิงผอ.-ลูกน้อง คา สวท.พิษณุโลก เผยแค้นโดนแกล้ง-ผอ.ก็ถูกเสี้ยม ชีวิตนี้ทุ่มเทจากเอกชนมาสอบบรรจุ ไม่เหลืออะไรแล้ว





จากกรณี นายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ตำแหน่งนายช่างเครื่องส่ง ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. และ .38 รวม 2 กระบอก และอาวุธมีดหมอ ยิงใส่ร่างของเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ส่วนสาเหตุมาจากความเครียดและปัญหาส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงาน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 28 พ.ค. พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ กว่า 50 นาย ได้ควบคุมตัว นายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ตำแหน่งนายช่างเครื่องส่ง ประจำสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.พิษณุโลก (สวท.พิษณุโลก) มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

 

ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและกั้นไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ ก่อนจะพาไปยังจุดแรกที่นายวิมใช้ปืนยิง นายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ อายุ 47 ปี นายช่างไฟฟ้าอาวุโส ขณะกำลังปีนบันไดปรับกล้องวงจรปิดอยู่บริเวณห้องโถงด้านหน้า จำนวน 3 นัด

จุดที่ 2 บริเวณห้องควบคุมเครื่องส่งได้ใช้ปืนยิง นายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ อายุ 55 ปี นายช่างอาวุโส ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่แผ่นหลัง 5 นัด เสียชีวิตสภาพนั่งฟุบแอบหลังตู้ไฟอยู่ภายในห้องจัดรายการวิทยุ และจุดที่ 3 ใช้อาวุธปืนยิง นายปรุง จันทร์แดง อายุ 56 ปี ช่างเครื่องส่ง ขณะเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีจนถูกปืนยิงเข้าที่ปากบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้เข้าห้องผ่าตัดพ้นขีดอันตรายแล้ว

และจุดที่ 4 บริเวณด้านหลังอาคาร สวท.พิษณุโลก ที่ใช้มีดหมอแทงและใช้ปืนยิงใส่ร่างของ นายสานิตย์ บุตรมางกูล อายุ 60 ปี ผอ.สวท.พิษณุโลก โดยใช้เวลาทำแผนประกอบคำรับสารภาพประมาณ 30 นาที ก่อนนำตัวกลับไปฝากขังไว้ก่อนที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกับจะรวมรวบพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลในวันที่ 29 พ.ค.นี้

นายวิม กล่าวระหว่างถูกควบคุมตัวว่า ตนนั่งนับ 1-10 จน 1-1,000 ผ่านทุกอย่างมาได้ แต่วันเกิดเหตุนั้น ตนนั่งกินยาอยู่ โดยมีนายจิรวุฒิโทรศัพท์มาบอกกว่าหาออสติน และบอกว่าวางอยู่ตรงประตู ตนจึงตอบกลับไปว่า “ใช่เหรอ คล้ายเคยเห็นในห้องแผ่นเสียงนะ” แต่นายจิรวุฒิพูดอีกว่า “ผมเพิ่งเอามาวาง 3-4 วันนี้แหละ แต่ช่วงวันเสาร์เขาเอาช่างมาล้างแอร์ ซึ่งผมไม่ได้ยุ่ง เสร็จแล้วเขากลับมา”

นายวิม กล่าวต่อว่า ตนก็ไปดูว่าออสตินมีไหม โดย ออสติน คือ ขดลวดหม้อแปลงแกนอากาศ ใช้กับไฟยอดเสา เมื่อเจอแล้วตนก็ไปตามให้เขาไปดู แต่มีคำพูดย้อนกลับมาแล้วจะให้ตนคิดว่าอะไร ซึ่งเขาพูดเหมือนว่ามันไม่ใช่ที่ของเขาตามหา แล้วเขาเรียกว่าอะไร คือเขาไม่ด่า แต่ความรู้สึกคือ ตนจะรู้ไหมว่าเขาตามหาอะไรกันแน่ ซึ่งตนนั่งเฮฮาอยู่ดี ๆ ก็ชอบหน้าบึ้งใส่ บางครั้งชอบสั่งอย่าไปยุ่ง ถ้ายุ่งกล้ารับผิดชอบไหม

นายวิม กล่าวอ้างอีกว่า ส่วนนายภูมิศรัณญ์ ที่เสียชีวิตในสภาพนั่งฟุบแอบหลังตู้ไฟภายในห้องจัดรายการวิทยุ คนนี้ก็เป็นคนชอบเสี้ยม หลังจากยิงคนแรกแล้ว คนที่ 2 ก็คงมั่นใจว่าตัวเองไม่รอดแน่เลยวิ่งหนีไป ซึ่งตนก็ตามไปยิงจนเสียชีวิต ส่วนตัว ผอ.สวท. ตนเดินออกมาข้างนอก ไม่รู้ว่า ผอ.สวท. อยู่ตรงไหน กระทั่ง ผอ.สวท.มาโถมใส่ตน ตนก็ไม่ยอมและเกิดการต่อสู้กัน ตนก็เอามือข้างหนึ่งดันคางเขาไว้ ปืนมันก็ลั่นส่ายไปส่ายมา

“ในกระเป๋ามีมีดหมออยู่ เพราะผมเป็นคนชอบไสยศาสตร์ ก็จะพกของพวกนี้ไว้ คือตอนนั้นคิดว่าถ้า ผอ.แย่งปืนไปได้ผมก็ตาย ผมเลยใช้มือที่ค้ำคอ ผอ. ก่อนหยิบมีดออกไปจ้วงแทงตัดขั้วหัวใจ แล้วใช้อาวุธปืนยิง ส่วนคนเจ็บ ผมก็ไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองอะไรกับเขา เพียงแต่เขาเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ ถ้าเขารอดผมก็โอเค แต่ในความรู้สึกตอนนั้นผมหน้ามืดแล้ว บอกไม่ถูกแล้ว ผมเองก็พร้อมจะไป วินาทีที่ทำภารกิจเสร็จ คือ ผมโทรหาครอบครัวว่าผมจะไปแล้วนะ แต่แฟนผม ครอบครัวผม เมียผมขอผม ก็บอกเขาว่าถ้างั้นผมพร้อมจะเผชิญกับความจริง” นายวิม กล่าว

นายวิม กล่าวต่อว่า ตนรับสารภาพว่ายิงทั้งหมด 4 คน มาถึงตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว ชีวิตตนมันจบแล้ว ตนสอบบรรจุ กพ.ได้เป็นรุ่นสุดท้าย ปี 2534 ทุ่มเทให้กับระบบราชการ ตนไม่เคยเกี่ยงงอน เอาความรู้ที่เคยทำงานกับบริษัทเอกชนมาทุ่มเทให้กับตรงนี้เต็มที่

ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า วันนี้เป็นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหาตามระบบสืบสวน ผู้บังคับบัญชาได้กำชับถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้ต้องหา และขั้นตอนในการลงมือ ซึ่งตอนนี้ผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี รวมถึงขั้นตอนในการก่อเหตุต่าง ๆ ยิงด้านหน้า ยิงที่ห้องส่ง และยิงคนเจ็บ และ ยิ่ง ผอ. และมีการต่อสู้กันแต่สู้ ผอ.ไม่ได้ จึงอาวุธมีดหมอแทงตัดขั้วหัวใจก่อนใช้ปืนยิงซ้ำ

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องการมีปัญหากันระหว่างกลุ่มนายช่างกับผู้ต้องหา ซึ่งมีอายุมาก ประกอบกับสุขภาพไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ จึงทำงานผิดพลาดมีปัญหา ของหายประจำ โดนหัวหน้างานต่อว่าบ่อยครั้ง จนก่อนเกิดเหตุก็เป็นเรื่องของหาย จึงทะเลาะกับนายช่างทั้ง 2 คน จึงลงมือก่อเหตุ จากนั้นก็กลัวความผิดจึงเดินหาคนเห็นการณ์ ส่วนตัว ผอ.เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า เพราะ ผอ. เดินมาเห็นจึงเป็นการลงมือเดี๋ยวนั้นทันที

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการกินยาระงับประสาทตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มียาโรคประจำตัว เช่น หืดหอบ โรคหัวใจ แต่ก็ขอประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลพุทธชินราชมาประกอบสำนวนในคดีด้วย จากคำให้การคิดว่าเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้า สาเหตุเกิดจากการเก็บกดจากเรื่องงานที่ผิดพลาดบ่อยครั้งเพราะปัญหาสุขภาพ จนมาระเบิดระบายความแค้นวันนี้ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: