พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 5 /2563 ประจำเดือน พ.ค. ที่กระทรวงกลาโหม ชุดใหญ่ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะที่ปรึกษาสภากลาโหม เข้าร่วมการประชุมด้วย
ภายหลังการประชุมสภากลาโหม นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการตรวจสอบขบวนการแอบอ้างเรียกเก็บเงินลักษณะค่าหัวคิว สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมที่ประสงค์ เสนอใช้สถานที่สำหรับเป็น State Quarantine โดยมอบหมายให้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ชี้แจงในเรื่องนี้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็น เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลัง ศบค.เสนอให้ ครม.ต่ออายุไปอีก 1 เดือน ที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง โดยได้ชี้ไปที่คอเพื่อบ่งบอกว่ามีอาการเจ็บคอ
พลโทคงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชน โดยเฉพาะกองทัพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการหักค่าหัวคิว 40% เนื่องจากเห็นว่าการช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตเป็นหน้าที่ ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงแรก ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดปัญหาเช่นนี้ แต่ยอมรับว่าขณะนี้พบมีกระบวนการดังกล่าวจริง กองทัพมีข้อมูลบางส่วนแล้ว
หากมีข้อมูลขอให้แจ้งมายังกองทัพโดยตรง และยินดีที่จะดำเนินการกับทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและทางอาญา เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหายกับกองทัพ โดยขออย่านำไปพูดต่อกันไปมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับในเรื่องนี้ พร้อมทั้งได้พูดคุยกับผู้ประกอบการด้านโรงแรมให้หาโรงแรมทางเลือก Alternative State Quarantine เพราะหากสถานการณ์กลับสู่ปกติประเทศไทยน่าจะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว
ส่วนกรณีที่โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) สำรวจพบว่า 5 ใน 6 ผู้นำเหล่าทัพ ติดอันดับ ส.ว. ที่ไม่มาลงมติมากที่สุดนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่มองว่าทุกคนอาจมีภารกิจส่วนตัว และเชื่อว่า ทุกคนสามารถชี้แจงได้ ส่วนเรื่องการพิจารณาปรับย้ายนายทหารประจำปีนั้น พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะพูดในช่วงนี้
ขณะที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฎิเสธตอบกระแสข่าวเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ.
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ