คณะก้าวหน้า เดินหน้าแจกเงินอีก เปิดเฟส2 ช่วยประชาชน สู้โควิด-19





วันที่ 5 พ.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการแจกเงินให้ประชาชน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่า กรณีที่ระบบการลงทะเบียนล่ม จนประชาชนต้องนำข้อมูลส่วนตัวมาโพสต์แบบสาธารณะ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในอนาคต ว่า แน่นอนอยูแล้วว่าเรื่องนี้เรากังวล เป็นเหตุให้เราต้องไปลบโพสต์ที่มีข้อมูลในส่วนนั้นออกไปในภายหลัง เรากังวลตั้งแต่ที่ประชาชนเริ่มโพสต์ในช่วงแรกแล้ว แต่ไม่สามารถจัดการหรือลบออกในตอนนั้นได้ เนื่องจากหากเราลบในตอนนั้น 1.จำนวนมากเป็นล้านคอมเมนต์เราจัดการไม่ได้

2.หากตัดโพสต์ที่มีข้อมูลส่วนตัวออกไป ก็อาจจะเกิดข้อครหาว่าเราตัดสิทธิ์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องปล่อยให้โพสต์เหล่านั้นอยู่ค้างไว้ก่อน เรายืนยันว่า เรื่องข้อมูลส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญ และเราจะต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ที่ขอรับสิทธิ์

 

ทั้งนี้เราทราบอยู่แล้วว่า หากเปิดระดมทุนแบบนี้ ความต้องการจะต้องมีจำนวนเยอะมาก และจำนวน 3 ล้านคอมเมนต์ก็เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ และสะท้อนว่าคนที่ลำบากต้องการความช่วยเหลือ หรือคนที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ มีมากมายมหาศาลขนาดไหน

ซึ่งเราก็เสียใจที่ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ทั้งหมด เพราะเราไม่ใช่รัฐบาล ที่บริหารภาษีจำนวนเป็นล้านล้านบาทต่อปี เราก็ทำเท่าที่ทำได้ ถึงแม้ว่า จะถูกวิจารณ์หรือถูกโจมตีทางการเมือง ถ้าเทียบดีกับการอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย กับการออกมาทำแบบนี้แล้วโดนว่า แต่สามารถช่วยประชาชนได้ 2,427 ครัวเรือน เราก็ถือว่าคุ้มค่า

น.ส.พรรณิการ์ เปิดเผยอีกว่า เราจำเป็นต้องมีโครงการที่สอง เพราะยังไม่สามารถปิดบัญชีได้ เนื่องจากยังโอนเงินให้ประชาชนไม่เสร็จ จึงตั้งใจว่าจะใช้บัญชีนี้โอนให้หมดทีเดียว ไม่อยากย้ายไปหลายบัญชี เกรงว่าจะเกิดข้อครหาเรื่องความโปร่งใส ขณะนี้จึงยังมีเงินบริจาคไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เราจำเป็นต้องปิดยอดการการบริจาคเงิน 3,000 บาท ในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ตัวเลขผู้รับสิทธิ์ที่แน่นอน

ดังนั้นจำนวนที่เกินจากวันที่ 3 พฤษภาคม เราจะยกยอดนำไปทำโครงการช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดอย่างชัดเจน

น.ส.พรรณิการ์ เปิดเผยถึงกลุ่มผู้ร่วมบริจาคเงิน ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีมากที่เราได้เห็นว่า มากกว่า 95% ของคนที่บริจาคเงินในครั้งนี้มาจากคนทั่วไป มียอดบริจาคตั้งแต่ 10-500 บาทต่อครั้ง ส่วนยอดตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น หรือภาคธุรกิจขนาดใหญ่ถือว่าน้อยมาก คือ มีไม่เกิน 20 ครั้ง สะท้อนว่า เป็นการช่วยเหลือกันของประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ได้มีรายได้สูง ที่อยากจะช่วยเหลือเพื่อร่วมชาติ และคิดว่าอาจจะเดือดร้อนกว่าตัวเอง

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: