วิจารณ์หนัก ตัดงบ “บัตรทอง”-“สธ.” หมอชี้ กว่า3เดือน รพ.สู้โควิด แบบเข้าเนื้อตัวเอง





วันนี้ (23 เม.ย. 2563) นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ในภาวะการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ ต้องแบกรักภาระหนักในการดูแลผู้ป่วย และหลายแห่งต้องบริหารจัดสรร นำเงินของโรงพยาบาลที่มีอยู่อย่างจำกัด มาใช้สำหรับจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์เพิ่มเติม รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างห้องตรวจโรค เพื่อรองรับผู้ป่วย ขณะเดียวกันยังต้องปรับจุดตรวจโรค แยกกระจายไปยังจุดต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ การดำเนินงานทั้งหมดจำเป็นต้องใช้เงินทั้งสิ้น โดยในส่วนของ รพ.จะนะ ตอนนี้หมดเงินไปแล้วหลายแสนบาท ในการปรับปรุงห้องตรวจและสถานที่ นำไปซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น โต๊ะ เต็นท์ เครื่องวัดอุณหภูมิ รวมถึงจ่ายเป็นค่าแรงล่วงเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ เป็นต้น

ในขณะที่ผ่านมายังไม่ได้เคยได้รับงบประมาณที่เป็นตัวเงิน เพื่อรับมือในช่วงโควิด-19 ระบาด แม้แต่บาทเดียว โดยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่างบประมาณจาก สธ. และ สปสช. มีอยู่อย่างจำกัด ในสถานการณ์ปกติก็แทบไม่พออยู่แล้ว ดังนั้น การที่รัฐบาลจะมาตัดงบหน่วยงานด้านสาธารณสุข โดนยึดคืนไปเป็นเงินกองกลาง ซึ่งก็ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ว่าเงินก้อนนี้จะนำไปจัดสรรใช้อะไรบ้าง ในท้ายที่สุด สธ. และ สปสช. จะได้กลับคืนมา เพื่อจัดสรรและต่อสู้กับภาวะโควิด-19 หรือไม่

“ที่ผ่านมา ผมพยายามไม่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล หันไปเน้นให้ข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับการระบาด แต่หลังจากทราบว่าจะมีการดึงงบจาก สธ. 1,200 ล้านบาท และ สปสช. 2,400 ล้านบาท ส่งผลกระทบแน่นอนต่อเงินเหมาจ่ายรายหัว ซึ่งเป็นหนึ่งในงบก้อนหลักที่ รพ. ได้รับจัดสรร จึงมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะเราต่างรู้ดีว่างบประมาณของทั้ง 2 หน่วยงาน เป็นเค้กก้อนเล็กๆ ยิ่งถูกตัดแบ่งออกไป ก็จะทำให้เกิดปัญหา ปกติพวกเราก็ลำบากกันมากพออยู่แล้ว ที่สำคัญยังมีอีกหลายงานที่ควรถูกตัดงบมากกว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุข” นพ.สุภัทร ผอ.รพ.จะนะ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นพ.สุภัทร ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัว เนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตัดงบประมาณดังกล่าว ระบุว่า “โควิด” ตัดงบสาธารณสุขและบัตรทอง “รัฐบาลเพี้ยน” อีกแล้ว ช่วงโควิดผมไม่ได้เขียนวิจารณ์รัฐบาลมาหลายวันแล้ว ตั้งใจเขียนงานกึ่งวิชาการเผยแพร่แทน แต่วันนี้ไม่วิพากษ์รัฐบาลบ้างคงไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาลแอบหั่นงบสาธารณสุขและบัตรทอง

หลักการง่ายๆ ของรัฐบาลก็คือ ตัดงบกันถ้วนหน้า ทุกกระทรวงต้องหั่นงบมาลงขันตามเปอร์เซ็นต์ที่ไม่รู้ใครกำหนด ประมาณว่า รมต.เจ้ากระทรวงหรือปลัดกระทรวงก็จำใจต้องทำตาม ไม่อาจมีปากเสียงได้ ราวกับเรายังอยู่ในยุค คสช.

โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2563 ได้มีการพิจารณาเรื่อง การโอนงบประมาณ 2563 และได้มีมติตัดงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรืองบ “บัตรทอง” จำนวน 2,400 ล้านบาท รวมทั้งงบของกระทรวงสาธารณสุขเอง 1,200 ล้านบาท รวมเป็น 3,600 ล้านบาท นำไปตั้งเป็นงบสำรองฉุกเฉิน แก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาผลกระทบ จากการแพร่ระบาดโควิด-19

คนไทยทั้งประเทศคงยังไม่ทราบว่า “ตลอดสามเดือนที่มีการระบาดของเชื้อโควิด โรงพยาบาลต่างๆ แทบไม่เคยได้รับงบประมาณที่เป็นตัวเงินจากรัฐบาลเลย” นี่คือความจริงที่เราไม่อยากจะบ่นออกมา มีเพียงการส่งของมาให้เป็นหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล ชุด PPE เป็นต้น แต่งบสักแดงเดียวมาเติมในกระเป๋าเงินบำรุงของโรงพยาบาลนั้นยังไม่มี แต่ละโรงพยาบาลนั้นใช้เงินบำรุงที่เก็บสะสมไว้เองมาเป็นเงินใช้จ่ายมากมายในช่วงนี้ และเกือบทุกที่ต้องเปิดรับเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งสามารถช่วยโรงพยาบาลได้อย่างมาก

ในช่วงโควิด รายจ่ายสำคัญของทุกโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้นคือ รายจ่ายในการปรับปรุงปรับเปลี่ยนสถานที่ให้รับกับสถานการณ์โควิด ตัวอย่างเช่นที่โรงพยาบาลจะนะ เราเพิ่มจุดคัดกรอง เราปรับปรุงหอพักแพทย์ให้เป็นหอผู้ป่วยโควิดขนาด 20 เตียง เราต้องจัดอัตรากำลังมาสอบสวนโรคทุกวันซึ่งต้องจ่ายค่าตอบแทนเพิ่ม เราจัดยาโรคเรื้อรังส่งตรงไปที่บ้านผู้ป่วยกว่า 5,000 คน ซื้อครุภัณฑ์การแพทย์เพิ่ม ลงทุนกั้นห้องแบ่งส่วนเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจาย ต้องปรับปรุงห้องฉุกเฉิน ต้องสนับสนุนงบแก่ รพ.สต. เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนใช้เงินบำรุง เงินจัดสรรจาก สปสช.ตามปกติ หรือเงินบริจาคทั้งสิ้น ยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบเพิ่มเติมจากลุงเลย

ไม่สนับสนุนงบให้กระทรวงสาธารณสุขหรือ สปสช.เพิ่มนั้น เราก็พอจะเข้าใจได้ เพราะรัฐบาลมีรายจ่ายสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจและดูแลประชาชนที่ยากลำบาก โรงพยาบาลต่างๆจึงแทบไม่มีใครออกมาเรียกร้องว่า “เข้าเนื้อ ของบเพิ่ม” แต่การมาตัดงบของสายสุขภาพลงไป 3,600 ล้านบาทนั้น เข้าใจไม่ได้เลย และไม่เข้าใจเลยว่า “ทำไมรัฐบาลจึงเพี้ยนเช่นนี้”

กระทรวงสาธารณสุขมีโรงพยาบาลเกือบ 1,000 แห่ง รพ.สต.อีก 10,000 แห่ง ทุกแห่งทำงานเต็มที่สู้ศึกโควิด ทุกแห่งควรได้รับเงินสนับสนุนเพิ่ม แต่นี่ไม่เคยให้งบเราแล้วยังมาตัดงบเราอีก วิธีคิดเช่นนี้ “สอบตกโดยสิ้นเชิง” ครับ

ข้อมูลจาก Hfocus, เฟซบุ๊ก นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: