“บิ๊กตู่”เยี่ยมให้กำลังใจหมอ-พยาบาล-ผู้ป่วยโควิด เหน็บพวกไม่ทำอะไร อย่าพูดบิดเบือน





เมื่อเวลา 16.15 น.วันที่ 10 มีนาคม ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ สถาบันบำราศนราดูร กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ. และคณะผู้บริหารสธ. เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ แพทย์และพยาบาลในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยตั้งแต่การตรวจคัดกรองจนถึงขั้นตอนการดูแลรักษา โดยมี นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศราดูร ให้การต้อนรับ

โดยนายกฯ เยี่ยมห้องปฏิบัติการ ARI Clinic หรือคลินิกคัดกรองผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ และรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงาน พร้อมสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ได้รับการดูแลดีทุกคน ไม่มีอาการเสี่ยงใช่หรือไม่ จากนั้นนายกฯดูพื้นที่ปฏิบัติงานของแพทย์ และให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล โดยสอบถามว่า ปลอดภัยหรือไม่ มีไข้ป่วยหรือเปล่า ขอให้ทุกคนปลอดภัยไม่เป็นอะไร ก่อนที่นายกฯจะขึ้นไปชั้น 2 ให้กำลังใจผู้ป่วยรายหนึ่งที่รักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยแยกโรคติดเชื้อความดันลบ ผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด โดยนายกฯ ขอให้อดทน รอให้หมอรักษาให้หายก่อนจะได้กลับบ้าน พักผ่อนให้เยอะๆ พร้อมสอบถามอาชีพของผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยตอบว่าทำงานด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้นายกฯได้มอบกระเช้าอาหารเพื่อสุขภาพให้ตัวแทนผู้ป่วยทุกคน และมอบให้บุคลากรทางการแพทย์

จากนั้นนายกฯเดินทางมายังกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยเยี่ยมชมศูนย์สารสนเทศ กรมควบคุมโรค ซึ่งบริษัท หัวเว่ย ได้มอบเครื่องวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ 7 เครื่อง เพื่อติดตั้งที่สธ. 2 เครื่อง สถาบันบำราศนราดูร 3 เครื่อง สนามบินสุวรรณภูมิ 1 เครื่อง และโรงพยาบาลบางพลี 1 เครื่อง ซึ่งนายกฯ ได้ทดลองพูดคุยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและสถาบันบําราศนราดูร โดยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และระบุว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมอีกครั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ นายกฯยังขอบคุณตัวแทนบริษัท หัวเว่ย ที่มอบเครื่องวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้ใช้ในการทำงาน ขณะเดียวกันยังได้สอบถามถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น พร้อมเยี่ยมชมการปฏบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน

ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า ขอฝากอย่ากังวลเรื่องอื่น ขอความร่วมมือให้ช่วยกันทุ่มเทให้เต็มที่ ส่วนเรื่องคนเข้า-ออก ผีน้อยฝากทุกเขตดูแลประสานต่อเรื่องข้อมูลและให้ช่วยกันเฝ้าระวังดูแลให้ครบ 14 วันเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดโรค ตลอดจนเรื่องหน้ากากอนามัยของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ขอให้ใช้อย่างประหยัดและใช้เท่าที่จำเป็น ใช้ในเฉพาะที่ใกล้ชิดผู้ป่วย ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ประเทศไทยเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 หรือให้เข้าสู่ระยะที่ 3 ช้าที่สุด อย่างไรก็ตาม เรื่องการให้ข่าวต้องมีข้อมูลตรงกัน เราต้องมั่นใจในระบบสาธารณสุขและขีดความสามารถของเรา ต้องมั่นใจตระหนักรู้พร้อมดูแลคนอื่นโดยหน้าที่ของเราต้องดูแลสุขภาพตัวเอง ทุกคนต้องปลอดภัยและเข้มแข็ง
ต่อมา นายกฯ มายังอาคาร 5 ชั้น 7 สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจเยี่ยมการทำงานในศูนย์ปฎิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข และวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) 76 จังหวัด

เวลา18.00น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมว่า วันนี้ได้มาให้กำลังใจกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีทุกกรม และผู้ปฏิบัติการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (อีโอซี) โดยมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ เห็นรอยยิ้มเห็นความรักความสามัคคีทำให้นายกฯยิ่งมั่นใจไปกว่าเดิม ทั้งนี้ จะขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม ถ้ามีข้อบกพร่องก็ต้องยอมรับกัน และแก้ไขปัญหา เชื่อว่าปัญหาโควิด-19 จะแก้ได้ สักวันมันจะต้องจบไม่ยาวนานไปจนถึงปีหน้าและปีต่อไป พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์เราสามารถควบคุมได้ เป็นที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศ ฉะนั้น อยู่ที่ความหนักแน่นของพวกเรา ความเชื่อมั่นและความสำเร็จของทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ได้รับการชื่นชมอยู่แล้ว

“ผมยังได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยทุกจังหวัดพร้อมรับมือสถานการณ์ในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแรงงานกลับไปแล้ว ก็มีการดูแลตามมาตรการที่รัฐได้กำหนดไป วันนี้สามารถควบคุมผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศได้ครบทั้งหมดแล้ว และจะมีมาตรการติดตามอีกชั้นหนึ่งคือการใช้ระบบเอไอ หรือแอบพลิเคชั่นในการให้ผู้ที่มาจากประเทศเสี่ยงลงทะเบียน และต้องได้รับความยินยอม อยู่ระหว่างการเร่งรัด โดยความร่วมมือของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ให้บริการ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทดลองใช้ ขอร้องอย่างเดียวคนที่ไปอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศกลุ่มเสี่ยงขออย่าหลีกเลี่ยงในการกักตัว ต้องคำนึงถึงส่วนร่วม ไม่ใช่ปกปิด ไปกินอาหารในพื้นที่และถ่ายรูปให้คนอื่นเขาดู แบบนี้มันท้าทายเกินไปต้องถูกลงโทษตามมาตรการที่มีอยู่แล้ว”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่สถานการณ์ในตอนนี้ นายกฯ กล่าวว่า ก็กังวลอยู่แล้ว ว่าจะสามารถดำเนินการได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ แต่วันนี้ก็ทำเต็มที่ 100% แล้วมีผลออกมาน่าพอใจ แต่หากมีสถานการณ์เพิ่มขึ้นมาอีกก็พร้อมรับมือ

“วันนี้ให้กำลังใจแพทย์และพยาบาลไปเยอะแล้ว ให้ไปหมดทั้งหัวใจแล้ว ด้วยกำลังใจด้วยใจและคำพูดของผมไปแล้ว และขอให้ดูแลเรื่องหน้ากากอนามัยของแพทย์และพยาบาลให้พอเพียง รวมถึงดูแลบุคลากรที่อาจจะเกิดความเสี่ยงในการปฎิบัติงานต้องมีมาตรการดูแลเพิ่มเติม เช่นการเสี่ยงภัย การดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ รัฐก็มีงบประมาณส่วนหนึ่งที่ได้รับจากการบริจาคเข้ามาช่วยเหลือ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าได้มีการประเมินหรือไม่ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะอยู่กับไทยไปถึงเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่าตนไม่สามารถประเมินได้ อยู่กับสถานการณ์ภายนอก แต่ที่สำคัญคือโรคโควิด-19 กลัวความร้อน ขณะที่ไทยกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน หวังว่าสถานการณ์จะบรรเทาลงได้บ้าง และข้อสำคัญคือระหว่างที่แพร่ระบาดเราจะควบคุมร่วมมือกันได้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย พูดจากันไปเรื่อยเปื่อยบิดเบือน โรคโควิดไม่มีทางหาย แถมมันจะมีโรคอื่นตามมาด้วย และความขัดแย้งก็ตามมาอีก

“ขอให้เป็นกำลังใจเถอะ เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน อันไหนหนักนิดเบาหน่อยก็พูดกันดีๆ นายกฯก็พร้อมจะปรับแก้และทบทวนให้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: