พบซากไดโนเสาร์3ชนิดอายุ100 ล้านปีที่ขอนแก่น ชาวบ้านวอนผลักดันเป็นแหล่งเรียนรู้





พบซากไดโนเสาร์ 3 ชนิด อายุกว่า 100 ล้านปี ในจุดเดียวที่ จ.ขอนแก่น ชาวบ้านวอนผลักดันเป็นแหล่งเรียนรู้ หลังหน่วยงานนำไปศึกษาวิจัยกว่า 10 ปี แต่ไม่มีสัญญาณใดๆ ที่จะพัฒนาในพื้นที่ ชาวบ้านต้องทวงถามและขอความชัดเจน

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่วัดสวนป่าสายชล บ้านห้วยหินเกิ้ง ม.11 ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ศาสตราจารย์ ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานสภา พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วย น.ส.ศศอร ขันสุภา นักธรณีวิทยาชำนาญการ พิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 กรมทรัพยากรธรณี และอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ หลังจากที่มีการพบซากไดโนเสาร์ หรือ ฟอสซิล ในที่ดินของชาวบ้านแล้วมีการนำไปวิจัยร่วม 10 ปี ไม่มีการนำมาคืน ไม่มีการต่อยอดเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้ จนชาวบ้านต้องออกมาทวงถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีชาวบ้านกว่า 100 คน มาร่วมฟังและพูดคุยกับคณะ เพื่อความกระจ่างและชัดเจนในประเด็นที่ชาวบ้านข้องใจ

ซึ่งในกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายประภาส พรเฉลิมเกียรติ อายุ 48 ปี ชาว อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นแอดมินเพจข่าวคนมัญจาคีรี ซึ่งร่วมสังเกตการณ์การพบปะพูดคุยในครั้ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อประมาณต้นปี 2563 อาจารย์ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งส่งภาพการขุดซากไดโนเสาร์มาให้ประชาชนสัมพันธ์ เพื่อทวงถามถึงกระดูกไดโนเสาร์ที่หายไป จึงได้แจ้งไปยังเครือข่ายต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารการหายไปของกระดูกไดโนเสาร์ที่มีการขุดพบในพื้นที่ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยพบเมื่อปี 2549 และหน่วยงานนักวิชาการมาทำการขุดในปี 2550 จนถึงปี 2554 คณะนักวิจัยได้นำกระดูกไปทำการวิจัย จนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 10 ปี ยังไม่มีการพัฒนาใดๆ

“การทวงถามหากระดูกไดโนเสาร์ ข่าวสารน่าจะถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะทั้งหมดจึงลงพื้นที่มาทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่า กระดูกไดโนเสาร์ที่นำไปวิจัยนั้น อยู่ในระหว่างการวิจัย อีกทั้งกระดูกไดโนเสาร์นั้น มีพระราชบัญญัติคุ้มครอง จะนำกลับมาในพื้นที่ได้แต่อาจจะเป็นชิ้นส่วนจำลองเท่านั้น ส่วนชิ้นส่วนของจริง หากการวิจัยเรียบร้อยจะนำไปจะเก็บที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์ แต่ในหลุมที่ขุดพบนั้น จะร่วมกันพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดขอนแก่นในลำดับต่อไป ซึ่งชาวบ้านเข้าใจเป็นอย่างดี”

ส่วน นางแน่น พรมรินทร์ อายุ 52 ปี เจ้าของที่ดิน ที่มีการขุดพบซากไดโนเสาร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อปี 2549 พระสุบิน ขันติรโต เจ้าอาวาสวัดสวนป่าสายชล บ้านห้วยหินเกิ้ง ออกหาสมุนไพร แล้วไปขุดเจอซากกระดูกในที่ดินใกล้ๆ เนินหิน คิดว่าเป็นกระดูกช้าง จึงขุดมาไว้ที่วัด ต่อมาในปี 2550 มีพระลูกวัดที่มีความรู้ทางด้านธรณีวิทยา มาพบ จึงบอกกับชาวบ้านว่า กระดูกที่พบเป็นกระดูกไดโนเสาร์ จากนั้นจึงได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลงมาสำรวจ ซึ่งก็มีคณะนักวิจัยจากกรมทรัพยากรธรณี ลงพื้นที่มาขุด และคณะก็เริ่มขุดตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปี 2554 แล้วก็นำซากไดโนเสาร์ที่ขุดได้จากหลุมดังกล่าวไปวิจัย แล้วไม่เอามาคืน มีเพียงการเดินทางมาดูที่หลุมขุดปีละ 1 ครั้ง แต่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน บอกเพียงว่าถ้ามีความปลอดภัย จะนำมาคืนให้

“การทวงถามหากระดูกไดโนเสาร์ ไม่ใช่จะเอามาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว แต่ต้องการคำตอบว่า เรามีของดีๆ เราควรจะมีการพัฒนาดูแลสถานที่ที่เจอกระดูกไดโนเสาร์ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ลูกหลานได้ศึกษาหาความรู้ ซึ่งขณะนี้ได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว”

ด้านศาสตราจารย์ ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ได้นำนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญจาก มข.และ สวทช.มาที่อำเภอมัญจาคีรี ซึ่งเป็นอำเภอที่มีของดี ที่มีจุดเด่นหลายๆ อย่างทางโบราณคดี เพื่อผลักดันให้รัฐบาลมีการบริหารจัดการในจุดดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรู้และมาเที่ยวในเมืองรอง ที่มีสิ่งดีๆ อีกเยอะที่เหมาะกับการมาเที่ยวชมและศึกษา

“นอกจากฟอสซิลแล้วยังมีป่าหอยและไม้กลายเป็นหินในบริเวณดังกล่าว สันนิษฐานได้ว่าในอดีต บริเวณนี้น่าจะเป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร ที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งได้แนะนำให้พื้นที่ทำแผ่นพับ แนะนำสิ่งดีๆ ที่มีในบ้านให้ชาวโลกเขาได้รู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต”

ขณที่ นางสาวศศอร ขันสุภา นักธรณีวิทยาชำนาญการ พิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 กล่าวว่า การขุดที่หลุม ในที่ดินของชาวบ้านที่อ.มัญจาคีรี นั้น พบไดโนเสาร์ 3 ชนิดคือ ชนิดกินพืชขนาดใหญ่ ซอโรพอด คอยาว หางยาว และไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็ก ซิตตะโกซอรัส หรือไดโนเสาร์ปากนกแก้ว รวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อ เทโรพอด ที่ฟันมีซี่ใหญ่เหมือนใบเลื่อย ซึ่งทั้งหมดคาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 100 ล้านปี

“ไดโนเสาร์ที่พบเจอ มีความสมบูรณ์ก็คือ ฟัน กระดูกสันหลัง และกระดูกข้างขา และกำลังเทียบเคียงกับไดโนเสาร์ที่พบที่ จ.ชัยภูมิ ว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ หรือเป็นชนิดใหม่ ส่วนไดโนเสาร์กินเนื้อที่มัญจาคีรีนั้น เจอฟัน และร่องรอยของหัวกะโหลก ซึ่งยังต้องขุดและวิจัยต่อไปอีก เพื่อศึกษาและหาชิ้นส่วนอื่นต่อไป”

นางสาวศศอร กล่าวอีกว่า ในบริเวณเดียวกันยังเจอรูหนอนโบราณ และที่บริเวณหน้าวัดพบชั้นหอย 2 ฝา หรือ หอยกาบคู่น้ำจืด และเศษฟันปลาฉลามน้ำจืด ฟันจระเข้น้ำจืด ที่มีอายุประมาณ 100 ล้านปี ทั้งยังพบชั้นหินนั้นที่มีหลายชั้น คืออายุ 100 ล้านปี และชั้นหินที่มีอายุ 7-9 แสนปี ซึ่งพบไม้กลายเป็นหินจำนวนมาก บางชิ้นยังเป็นท่อนไม้ที่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้เห็นความเชื่อมโยงที่สมบูรณ์แบบของยุคโบราณอายุ 100 ล้านปี มายังยุค 7-9 แสนปี มายังยุคปัจจุบันที่มีความอุดมสมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี.

ข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: