ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์อีก! งดโหวต “พรบ.งบ ปี 63” หวิดสภาล่ม รัฐบาลเกือบจมน้ำ





เมื่อวันที่ 13 ก.พ.เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในวาระ 2 และวาระ 3 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ก่อนเปิดการประชุมสภาฯ คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ได้มีการประชุมร่วมกันและมีมติออกมา 4 ข้อ ได้แก่ 1.ลงชื่อเข้าร่วมประชุม 2.ระหว่างประชุมสภาฯฝ่ายค้านจะไม่อยู่ร่วมในห้องประชุม ยกเว้นส.ส.ที่ได้รับมอบกหมายให้อภิปรายก่อนเข้าวาระ และ 3.ให้ส.ส.เก็บบัตรลงคะแนน ห้ามทิ้งไว้ที่เครื่องลงคะแนน 4.การลงมติเป็นรายมาตรา ส.ส.ฝายค้านจะไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมและไม่ลงมติ

ต่อมาเมื่อมีการเปิดประชุมสภาฯอย่างเป็นทางการ นายชวน ได้เปิดโอกาสให้ส.ส.ได้หารือก่อนเข้าสู่การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ โดย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านได้ลงชื่อมาประชุมเพื่อร่วมเป็นองค์ประชุมสภาฯ เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาฯได้แล้ว และเพื่อให้ฝ่ายรัฐบาลได้พิจารณาอย่างเต็มที่ ทางฝ่ายค้านจะไม่ขอเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังมีความสงสัยว่าทำไมนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถึงยังเข้ามาร่วมประชุมสภาฯ ทำให้นายเรืองไกร ลุกขึ้นกล่าวว่า สาเหตุที่เข้ามาประชุมสภาฯด้วย เนื่องจากได้รับจดหมายจากทางสภาฯ เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ให้เข้ามาร่วมประชุมเพื่อชี้แจงในนามคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ

ขณะที่ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้สอบถามนายชวนว่าหากโซนที่นั่งของส.ส.รัฐบาลไม่เพียงพอ ส.ส.รัฐบาลจะสามารถไปนั่งในโซนของฝ่ายค้านเพื่อใช้เครื่องลงคะแนนได้หรือไม่ ทั้งนี้ นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะทำแบบนั้น เพราะอาจถูกกล่าวหาได้ว่ามีการเสียบบัตรแทนกัน อย่างไรก็ตามจะเผื่อเวลาให้กับส.ส.ในการใช้เครื่องลงคะแนนในการพิจารณาแต่ละมาตราต่อไป

เมื่อเข้าสู่การพิจารณา ส.ส.ฝ่ายค้านเริ่มเดินออกจากห้องประชุม และ ทิ้งส.ส.เพียงไม่กี่คน ไว้คอยคุมเชิงในห้องประชุม หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จากนั้นนายชวน ได้ดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เป็นรายมาตรา

โดยนายชวน กล่าวถึงที่มาของการประชุมวันนี้ว่าเป็นผลมาจากการที่มีข่าวออกมาว่ามีการเสียบบัตรแทนกันของส.ส. จนทำให้ส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้านเข้าชื่อเพื่อส่งให้ประธานสภาฯส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ของร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ตามมาตรา 148 (1) ของรัฐธรรมนูญ

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่ากระบวนการพิจารณาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเฉพาะการลงมติในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา แต่กำหนดคำบังคับให้สภาฯดำเนินการใหม่ในวาระที่ 2 และ3 ใหม่

“เป็นเรื่องที่เราใช้สิทธิ์ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สิ่งที่เราต้องทำ คือ คำวินิจฉัยมีผลผูกพันรัฐสภา เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ส่วนเรื่องความชอบหรือไม่ชอบก็ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคน และกรณีนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะมาจากการที่ประธานสภาฯส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ผมต้องร่วมรับผิดชอบ ถ้าการทำงานผิดพลาดก็ร้องเรียนกันมาได้ครับ”นายชวน กล่าว

นายชวนกล่าวต่อว่า ยืนยันว่าการดำเนินการประชุมวันนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องกรอบเวลา 105 วันที่สภาฯต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ และสิ้นสุดไปตั้งแต่เดือนม.ค.แล้วนั้น ขอชี้แจงว่าประเด็น 105 วัน สภาฯได้ดำเนินการครบถ้วนแล้วตั้งแต่ 11 ม.ค.2563 แต่การประชุมวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง 105 วัน เพราะเป็นกระบวนการใหม่ที่เกิดมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ขออย่าไปกังวลว่าเราเสียเกียรติหรือไม่ เพราะการเคารพกฎหมายบ้านเมืองเป็นการกระทำที่มีเกียรติอยู่แล้ว

จากนั้นนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวนำเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณาเสร็จแล้วว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯจึงขอนำเสนอรายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯให้ที่ประชุมสภาฯได้พิจารณา

ต่อมาเป็นการพิจารณาเรียงรายมาตรา โดยเริ่มจากมาตรา 1 ชื่อร่าง พ.ร.บ.งบฯ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรองประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตเลขานุการกรรมาธิการวิสามัญฯ ก็เริ่มใช้สิทธิอภิปราย ว่าร่าง พ.ร.บ.งบฯ พ้นกรอบเวลา 105 วัน ตามรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 แล้ว วันนี้จึงเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 143 อย่างชัดเจน และอาจมีการยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความตามรัฐธรรมนูญอีก

ทำให้นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ต่างลุกขึ้นประท้วง ว่าอภิปรายนอกประเด็น จนนายชวนต้องปรามว่า ขอให้กรรมาธิการฯ ช่วยอภิปรายอยู่ในประเด็น ไม่เช่นนั้นประชาชนจะมองว่า เป็นการยื้อเวลางบประมาณฯ

และก่อนที่จะประท้วงกันไปมานายชวนได้ให้สมาชิกนับองค์ประชุมและลงมติในมาตรา 1 ซึ่งการนับองค์ประชุมในมาตรา 1นี้ มีจำนวน 250 เสียง ซึ่งหวุดหวิดที่จะไม่ครบ เนื่องจากองค์ประชุมต้องใช้เสียง 249 เสียงขึ้นไป และลงมติเห็นชอบในมาตรา 1 ด้วยคะแนน 245 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง

ซึ่งในระหว่างการลงมตินายชวน ได้เตือนตลอดว่าให้ระมัดระวังในการเสียบบัตร เดี๋ยวจะมีปัญหาอีก และขอให้สมาชิกอดทนเพราะเราจะต้องลงมติอย่างนี้ไปอีกหลายมาตรา เหนื่อยหน่อยแต่ไม่เหนื่อยเท่าตอนหาเสียง จึงขอให้อดทนอีกซักพัก เดือน พ.ค.เราก็จะย้ายไปให้ห้องประชุมสุริยันแล้ว

ทั้งนี้ในการแสดงตนและลงมติ นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลำดับที่ 401 ต้องขานชื่อตลอดโดยอ้างว่าลืมนำบัตรประจำตัวมา ต่อมาเป็นการพิจารณาในมาตรา 2 ถึงมาตรา 8 นายเรืองไกร ยังคงขออภิปรายทุกมาตราตามที่ขอสงวนความเห็นไว้ โดยบางมาตรา นายเรืองไกร อภิปรายนอกประเด็น จนถูก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลประท้วงเป็นระยะๆ และจากมาตรา 9 นายเรืองไกร เริ่มถอนสิ่งที่สงวนความเห็นไว้ ทำให้การประชุมรวดเร็วขึ้น

11.30 น. หลังจากมาตรา 9 กระทรวงการคลัง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้ขอถอนในสิ่งที่สงวนความเห็นขออภิปรายไว้ ทำให้การประชุมลงมติตั้งแต่มาตรา 9 เป็นต้นไป เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะไม่มีกรรมาธิการ และ ส.ส.คนใดติดใจขออภิปราย

แต่ละมาตราใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถลงมติผ่านความเห็นชอบไปได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้แต่ละมาตรา มีส.ส.รัฐบาลแสดงตนเป็นองค์ประชุมอยู่ระหว่าง250-255 เสียง มีเสียงให้ความเห็นชอบอยู่ระหว่าง 244-245 เสียง และงดออกเสียงอยู่ระหว่าง 5-6 เสียง โดยไม่มีเสียงไม่เห็นชอบ

 

จนกระทั้งเวลา 12.45 น. การประชุมพิจารณามาถึงมาตรา 31 เรื่องงบประมาณของศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังไม่ทันลงมติ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ขอหารือว่า ขอพักการประชุม 20 นาที เนื่องจากตอนนี้สมาชิก ต่อคิวเข้าห้องน้ำกันเต็มไปหมด ซึ่งนายชวน ได้กล่าวว่า เห็นด้วยที่ให้พักการประชุม แต่กลัวว่าเมื่อกลับมาประชุมใหม่ก็กลัวจะหายไปหมด แต่ก็ยอมให้พักการประชุม 30 นาที โดยนัดประชุมอีกครั้งในเวลา 13.15 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแสดงตนเป็นองค์ประชุมนั้นมีส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล แสดงตนเป็นองค์ประชุมอย่างพร้อมเพรียง ส่วนคะแนนงดออกเสียงที่มีผู้งดออกเสียงในแต่ละมาตราอยู่ที่ประมาณ 7คนนั้น พบว่า เป็นของส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 5คน ที่ประกาศตัวแยกการทำงานจากการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน และขอทำงานอิสระ

ได้แก่ นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนคะแนนงดออกเสียงอีก 2 เสียงคือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์, voicetv

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: