จิตใจทำด้วยอะไร! อ.สอนดนตรีเชียงใหม่ สั่งซื้อหน้ากากส่งไปช่วยคนจีน โดนตุ๋นเกือบแสน





วันนี้ ( 2 ก.พ. 63 )นางสาว ปภาพร หวังวิศวาวิทย์ อาจารย์ดูแลคณะนักร้องประสานเสียงโรงเรียนเอกชน และเป็นเจ้าของสถาบันสอนเปียโนชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ นำหลักฐานเป็นสลิปโอนเงิน และหลักฐานการพูดคุยเจรจาซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่นแชทของเฟซบุ๊ก เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสารภี จังหวัดเชียงใหม่ หลังถูกมิจฉาชีพหลอกขายหน้ากากเอ็น 95 ให้ แต่หลังโอนเงินไปกลับไม่สามารถติดต่อคนขายได้

นางสาวปภาพร เผยว่า หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบ จากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในประเทศจีน จนมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตอีกหลายร้อยคน ขณะเดียวกันยังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ

ในฐานะที่เป็นครู และมีลูกศิษย์เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวจีนอยู่จำนวนมาก ทั้งที่โรงเรียน และที่สถาบันสอนเปียโน จึงรู้สึกสงสารและเห็นใจพี่น้องชาวจีนที่ต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดจากไวรัส จึงได้มานั่งพูดคุยหารือกัน เพื่อหาทางช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ จนได้ข้อสรุปว่าจะช่วยจัดซื้อหน้ากากเอ็น 95 ส่งไปให้ชาวจีน

จากนั้นทุกคนได้รวบรวมเงินกัน เพื่อสั่งซื้อหน้ากากเอ็น 95 ส่งไปยังเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยตนเองได้โพสต์เฟซบุ๊กเพื่อประกาศหาซื้อหน้ากากเอ็น 95

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มกราคม มีชาย 2 คน ชื่อ ภู และต้น ส่งข้อความมาแชทว่า ทำงานอยู่โรงพยาบาลรัฐชื่อดัง สามารถจัดซื้อหน้ากากเอ็น 95 ได้ในราคาถูก โดยทั้งสองคนยังได้ขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อพูดคุยรายละเอียด ซึ่งตนเองได้แจ้งความประสงค์ไปว่า ต้องการหาซื้อหน้ากากเพื่อส่งไปช่วยเหลือชาวจีน

หลังพูดคุยและตกลงซื้อขายกันแล้ว จึงโอนเงินมัดจำงวดแรกไปให้จำนวน 55,000 บาท จากนั้นอีก 1-2 วัน ได้ทะยอยโอนเงินไปเพิ่มเติม รวมเงินที่โอนไปทิ้งสิ้น 81,000 บาท จากนั้นชายทั้งสองคนได้นัดหมายว่าจะนำหน้ากากเอ็น 95 มาส่งที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เช้าตรู่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองได้ไปรอรับสินค้าตามที่นัดหมาย แต่ปรากฏว่าไม่มีสินค้ามาส่งตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามก็ปิดเครื่อง ติดต่อไปทางข้อความในแชท ก็พบว่ามีการปิดเฟซบุ๊กหนีไปแล้ว

เมื่อตรวจสอบข้อมูลก็พบว่า ชายทั้งสองคนได้ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นในจังหวัดเชียงใหม่อีก 5 ราย จึงมั่นใจว่าเป็นมิจฉาชีพ โดยผู้เสียหายรายอื่นๆได้ทะยอยเข้าแจ้งความแล้วเช่นกัน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ เพราะไม่อยากให้ประชาชนคนอื่นถูกมิชฉาชีพทั้งสองคนนี้หลอกลวงอีก และถือเป็นบทเรียนในการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน ขณะเดียวกันก็ไม่คิดว่าจะมีผู้ฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ในครั้งนี้มาหลอกลวงผู้อื่นได้

ด้าน ตำรวจ บอกว่า คดีนี้ต้องขอสอบสวนและรวบรวมหลักฐานทั้งข้อความที่สนทนาในแชท และหลักฐานสลิปการโอนเงิน จากนั้นจะเรียกตัวเจ้าของบัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินไปให้มาสอบปากคำ เหตุการณ์นี้อาจเข้าข่ายความผิดยักยอกทรัพย์ หรือฉ้อโกง ซึ่งคดีนี้ไม่ยากเพราะมีชื่อบัญชีของบุคคลที่ผู้เสียหายโอนเงินไปให้ โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีตามกฏหมายโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ไปหลอกลวงผู้อื่นได้อีก

ข่าวจาก TNN

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: