บิ๊กตู่ตัดพ้อ “ทำไมไม่ไว้ใจผม” ยันอดทนทำดีเพื่อชาติเสมอ





เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย นำคณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ เข้าอำลาและรับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก่อนเดินทางไปร่วมแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ครั้งที่ 10 ณ เมืองซูบิค สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งสื่อมวลชนว่า นายกฯได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้โอวาทคณะนักกีฬาพาราลิมปิกแทน โดยมีรายงานข่าวว่าเนื่องจากนายกฯป่วยเป็นไข้หวัด แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่านายกฯจะให้โอวาทตามเดิม โดยนายกฯให้โอวาทตอนหนึ่งว่า นักกีฬาทุกคนได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติมากมายให้ประเทศ ทำให้คนไทยมีความสุข กีฬาสร้างเสริมให้คนไทยรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ทราบดีทุกคนมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้ความอดทน เสียสละ มุ่งมั่น ซึ่งทุกคนล้วนมีปัญหา อุปสรรคในชีวิต แต่ต้องเอาชนะให้ได้ ต้องมีความหวัง มีความเชื่อ มุ่งมั่นและมีศรัทธาทำความดี เหมือนนายกฯและรัฐบาล ปัญหามีมากแต่ตนอดทน มุ่งมั่นทำสิ่งที่ดีงามให้ประเทศ

นายกฯกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าเรามีคนจำนวนมาก ความเห็นไม่ตรงกันเป็นธรรมดา แต่ทำอย่างไรให้ทุกคนมีส่วนร่วมเดินไปข้างหน้า อะไรเป็นปัญหาช่วยแก้ ไม่ง่ายเหมือนการแข่งขันกีฬา แต่ตั้งใจว่าเราจะทำให้ดีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลจะทำวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้ ตนทำแบบนี้ทุกวันไม่เคยทอดทิ้งเรื่องเหล่านี้ รวมถึงการดูแลผู้พิการ รัฐบาลคำนึงถึงมาโดยตลอด แต่ทุกอย่างต้องทยอยดำเนินการ สุดท้ายขอฝากหัวใจ ฝากแรงรัก แรงศรัทธาและประเทศไทยไว้กับท่านทุกคน จากนั้นนายกฯเดินมาทักทายนักกีฬาพร้อมกล่าวว่า “พวกเราไปแข่งขันกีฬาที่โน่น ส่วนผมอยู่ที่นี่ก็แข่งกีฬาเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้ผมหรือเปล่า ผมทำความดี” ระหว่างที่นายกฯพูด ห่างออกไปด้านหลังห้องได้มีนักกีฬาคนหนึ่งพูดแซวเล่นกับเพื่อนว่า “ขอให้กำลังใจลุง ขอให้วิ่งให้ทันเขานะลุง”

ต่อมาเวลา 10.40 น. นายกฯให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้สิ่งที่กำลังดีๆ อยากให้เดินหน้าไป อย่าดึงให้ถอยหลัง ตนมุ่งมั่นทำงานมาตลอด 5 ปีก้าวสู่ปีที่ 6 ไม่ใช่ต้องการอำนาจ ใครบอกว่าการเมืองคืออำนาจผลประโยชน์ ในเมื่อตนไม่ต้องการอำนาจและผลประโยชน์ แล้วทำไมไม่ไว้ใจตน เมื่อไว้ใจตนก็ต้องไว้ใจการบริหารของตน วันนี้กำลังคิดแก้ไขปัญหาหลายเรื่อง เรื่องไหนทุจริตผิดกฎหมายชี้แจงได้ก็จบ ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็ไปขึ้นกระบวนการศาล พูดกันไปมาไม่มีอะไรชัดเจน จนเกลียดชังหมด ไม่ใช่เวลาสร้างความเกลียดชังขึ้นในชาติ ทำไมไม่เอาเวลาไปสู้กับปัญหา แก้กันด้วยระบบกลไก ถ้ามัวโทษกันไปมาแก้อะไรไม่ได้สักอย่าง รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ปัญหาที่ซ้ำซ้อน ไม่ใช่แก้ปัญหาเชิงเดี่ยวที่เปิดแล้วปรบมือปิดงาน ตนไม่ชอบแบบนั้น วันนี้ตนรับทุกปัญหาประชาชนมาคิดไม่เคยนิ่งนอนใจ ไม่ได้ฟังรายงานจากข้าราชการอย่างเดียว ฟังจากประชาชนที่เป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ด้วย อยากให้ทุกคนใช้กลไกประชาธิปไตยของวันนี้ สร้างประเทศกันก่อนได้หรือไม่ ดีกว่าทำลายกันและกัน ผิดถูกตรงไหนก็ไปเข้ากระบวนการยุติธรรม ถ้าพูดกันไล่กันไปไม่เห็นประโยชน์

นายกฯกล่าวว่า ไม่ว่าต่อต้านตนสนับสนุนตนหรือสนับสนุนใคร เกิดประโยชน์กับใครบ้าง มีคนจำนวนหนึ่งที่ออกมาทำเรื่องแบบนี้ พัน สองพัน หมื่นนึง แต่คนที่เสียประโยชน์คือคน 60 ล้าน พอเถอะมาช่วยกันทำประเทศดีกว่า ช่วยกันฟังว่ารัฐบาลจะทำอะไร จะได้ประโยชน์อะไร ถ้าไม่พอใจอะไรก็ บอกมา รัฐบาลแก้ไขอย่าใช้ทุกเวทีดิสเครดิตกันไปมา ไม่เกิดประโยชน์ เพราะยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ใครผิดถูกอย่างไรให้มาแจ้ง เอาหลักฐานมาจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตัดสินอย่างไรว่าไปตามนั้น “มีองค์กรอิสระตรวจสอบเยอะแยะไปหมด แล้วจะกล้ามาเข้าข้างตนหรือ ถ้ากล้าช่วยเขามีความผิด เป็นท่านกล้าช่วยคนผิดหรือไม่เชื่อทุกคนกลัวความผิด ต้องเชื่อกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นประเทศอยู่ไม่ได้แน่นอน”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญไม่รู้จะทะเลาะกันทำไม ในเมื่อตอนนี้อยู่แค่ขั้นตอนการศึกษาแก้ไข จะมาคุยกันทางสื่อเปิดประเด็นกันทุกวันทำไม ในเมื่อตนก็ไม่ได้ขัดข้องอยู่แล้ว ไปคุยกันใน กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเขียนอย่างไรก็ไม่มีใครพอใจทั้งหมด ฉะนั้นอย่าเอาเรื่องเดิมๆมาทะเลาะกันอีกเลยขอร้องแค่นี้ ตีกันยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง อยากถามว่าแล้วสำเร็จอะไรสักอย่างหรือไม่ ความร่วมมือจะเกิดหรือไม่ แล้วมาบอกว่าห่วงเรื่องโน้น มีสู้รบสงคราม แต่ในประเทศก็ตีกันช่วยตนบ้าง ฝากคน 60 กว่าล้านคนที่เขาเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง บางทีไม่ได้สาระอะไรทั้งสิ้นพูดกันได้ทุกวัน เรื่องที่ยังไม่เกิดก็พูดทำให้สังคมระอุทุกวัน ทำเพื่ออะไรอยากถาม ตนทำเพื่อประเทศเพื่อทุกคน แต่อีกพวกจ้องจะทำลายทุกวัน ทำอะไรก็ผิดหมด ไม่มีใครทำถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมดหรอก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น ใครจะด่าจะว่าในสื่อด่าตนทุกวันการ์ตูนเขียนด่ามา 5 ปีเต็มไม่เคยไปแตะต้องเลย รู้อยู่หนังสือพิมพ์ไหนหน้าไหน ไม่เคยแตะต้องรังแกสื่อไหน เขาทำผิดกฎหมายก็ว่าตามกฎหมายที่เขียนไว้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสั่ง หลายคนหลายกลุ่มอยู่กันไปตีกันไป นั่นมันโบราณกาลร้อยกว่าปีมาแล้ว ทำไมต้องกลับสู่ยุคอดีต แยกฝ่ายแล้วตีกันรบกัน แล้วประเทศชาติประชาชนอยู่ตรงไหน บอกรักชาติรักประชาชน รักจริงหรือเปล่า รักแบบไหน รักคนไทยถูกวิธีหรือเปล่า ถ้ารักต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ดีบ้าง ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง แต่คนได้ประโยชน์ต้องมากกว่าคนไม่ได้ประโยชน์ ต้องมีคนเสียประโยชน์ นั่นคือสิ่งที่ยากง่ายของการทำงาน ไม่ใช่ทำงานเหมือนสั่งขี้มูก สั่งปื๊ดไปแล้วโล่ง ทำไมไม่ช่วยตนบ้าง ถามว่าประชาธิปไตยวันโน้นกับวันนี้ต่างกันอย่างไร หาให้เจอเชื่อทุกคนทราบดี แต่คงลืมไปหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย วันนี้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ไม่ดียังมีค้างอยู่อยากให้ ประชาชนตัดสินใจจะเดินหน้า อยู่กับที่ หรือถอยหลังรื้อทั้งหมดกลับสู่อดีต

อ่านเพิ่มเติม : https://www.thairath.co.th/news/politic/1741416

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: