มจร.โพสต์นิวส์ ขอเสนอสถิติ “พระจบปริญญา 15 ใบ”
พระมหามงคลกานต์ ฐิตธมฺโม ป.ธ.9 อายุ 35 ปี อาจารย์ มจร. จบ ปริญญาตรี 12 ใบ ประกอบด้วย พธ.บ.(เกียรตินิยมอันดับ 1), มสธ. :นิติศาสตร์-การบริหารการศึกษา-การสอนมัธยมศึกษา(เกียรตินิยม)-รัฐศาสตร์-การศึกษานอกระบบ-เทคโนโลยีการอาหาร, ม.รามคำแหง :การบริหารรัฐกิจ-สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา-ประวัติศาสตร์-สื่อสารมวลชน-ภาษาไทย,ปริญญาโท 2 ใบ พธ.ม.(วิทยานิพนธ์ดี), ม.นเรศวร :ศษ.ม. และปริญญาเอก 1 ใบ จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย :ศน.ด.(วิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยม)
ภายหลังมีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว มีทั้งพระสงฆ์ พุทธศาสนิกชน เข้าไปแสดงความชื่นชมจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พระมหามงคลกานต์ ซึ่งขณะนี้ได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าข้อมูลที่มีการเผยแพร่ออกมานั้นเป็นความจริง
โดยตนเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ 1 ใบ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 6 ใบ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 5 ใบ จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยนเรศวร 1 ใบ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ 1 ใบ
และจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏฯ 1 ใบ ขณะที่ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านการแพทย์แผนไทย ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อยู่อีกด้วย
พระมหามงคลกานต์ กล่าวต่อไปว่า ตนเป็นคนจ.สุรินทร์ ในวัยเด็กพอเรียนจบชั้นป.6 ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ จึงตัดสินใจขอทางครอบครัวมาบวชที่วัดอังกัญโคกบรรเลง จ.สุรินทร์ เพื่อหวังที่จะได้รับโอกาสเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น
[ads]
และในระหว่างที่เรียนที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯนั้น ได้ลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชด้วย เนื่องจากทั้งสองมหาวิทยาลัยอนุญาตให้สามารถเทียบโอนรายวิชาพื้นฐานได้ ตนจึงเทียบโอนรายวิชาพื้นฐานที่เรียนผ่านมาแล้วจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ทำให้ใช้เวลาเรียนจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงในสาขาวิชาที่ลงเรียนประมาณ 1 ปีครึ่ง ส่วนของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชใช้เวลาเรียนสาขาวิชาละประมาณ 2 ปี จึงสำเร็จการศึกษาและได้ขอกับเจ้าอาวาสเพื่อไปเรียนต่อโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ที่วัดกลางสุรินทร์ เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ก็ได้สอบเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ วิทยาเขตเชียงใหม่ จนจบระดับปริญญาตรี สาขาวิชาปรัชญา
พระมหามงคลกานต์ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้ตนมุมานะเรียนจนจบปริญญาหลายใบนั้น เพราะมองว่าชีวิตคนเราเปรียบเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว จำเป็นต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
ส่วนตัวตั้งใจจะเรียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะอายุ 60 ปี เพื่อให้มีความรู้ไปสอนญาติโยม และเป็นที่พึ่งของญาติโยมได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ยอมรับว่ามีความสุขกับการที่ได้เรียนหนังสือมาก เพราะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆอยู่ตลอด ที่สำคัญยังได้ฝึกตัวเองไปในตัวด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้ภาษาอังกฤษ.
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ