หุ้นไทย ดิ่งเหว ! ใครทำ?





“แบล็กมันเดย์”ตลาดหุ้นทั่วโลกระส่ำหนัก นักลงทุนยกทัพเทขายหนีตาย หุ้นไทยโดนไปด้วย ร่วงแรงกว่า 64 จุด ทำนิวโลว์ในรอบ 1 ปี 6 เดือน ใกล้หลุด 1,300 จุด ภายในหนึ่งวันมาร์เกตแคปหายไป 610,000 ล้านบาท รมว.คลังแจงมาจากปัจจัยภายนอก ไม่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ทีมเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์“แบล็กมันเดย์” ที่ตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงหนัก หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯปลายสัปดาห์ก่อนร่วงลงมากว่า 5% และดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้ายังปรับตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นจีนยังพากันตื่นตระหนกเทขายหุ้นออกมาไม่หยุด กดดัชนีร่วงลงอีก 8.5% ถ่วงให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงถ้วนหน้า โดยดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ระดับ 21,251.57 จุด ลดลง 1,158.05 จุด หรือลดลง 5.17%

โดยนักลงทุนต่างชาติพากันเทขายหุ้นเพื่อลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยหนีไม่พ้นโดนถล่มขายหนีตายทั้งจากนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ โดยพบว่าต่างชาติขายหุ้นบิ๊กแคปหรือหุ้นขนาดใหญ่ในแทบทุกราคา ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยมาปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 1,301.06 จุด ลดลง 64.55 จุด ทำจุดต่ำสุดใหม่ (นิวโลว์) ในรอบ 1 ปี 6 เดือน ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 60,491.34 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4,775.20 ล้านบาท หุ้นที่ร่วงลงหนักส่งผลให้ภายในหนึ่งวันความมั่งคั่งของนักลงทุนหายวับไปถึง 610,000 ล้านบาท จากมาร์เกตแคปหรือมูลค่าราคาตลาด 12.90 ล้านล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ส.ค. ล่าสุดลดลงเหลือ 12.29 ล้านล้านบาท

[ads]

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกโดนหลากหลายปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งจากเศรษฐกิจจีนที่เปราะบางและอ่อนแอลง จนตลาดหุ้นจีนเกิดภาวะฟองสบู่แตก ดัชนีหุ้นไหลรูดลงมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังเดินหน้าปรับตัวลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง กดดันราคาหุ้นพลังงานทั่วโลก และยังมีความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่ปัจจัยในประเทศ แม้จะมีข่าวดีเรื่องทีมเศรษฐกิจใหม่ สถานการณ์ในขณะนี้ข่าวลบจากปัจจัยภายนอกประเทศ มีอิทธิพลต่อตลาดมากกว่า จนกลบข่าวดีภายในประเทศ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า กรณีดังกล่าว มีปัจจัยมาจากหลายเหตุผล โดยปัจจัยหลักมาจากต่างประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของทีมเศรษฐกิจชุดนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น คล้ายกับเมื่อตอนเกิดเหตุการณ์แบล็กมันเดย์ แม้ตลาดหุ้นไทยจะมีพื้นฐานดี แต่ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงก็คงหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ได้ เชื่อว่าหลังจากนี้เมื่อรัฐบาลผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้ว สถานการณ์น่าจะดีขึ้น

338.1

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตอนนี้นักลงทุนทั่วโลกตกอยู่ในโหมด “แพนิก” พากันตื่นตระหนกเทขายหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงออกมา เพื่อกอดเงินสดและโยกเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงคือทองคำ และสินทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของประเทศตลาดเกิดใหม่ถูกทำลาย นำโดยจีนที่ออกอาการเปราะบาง ทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้น โดยผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และการใช้นโยบายลดค่าเงินหยวนให้อ่อนลง ได้ส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจของประเทศที่เกี่ยวพันกับจีน

ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ ยอมรับว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมาจากปัจจัยภายนอกประเทศล้วนๆ โดยหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงหมด และปรับลงมากกว่าหุ้นไทย โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาทำให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เฉลี่ยทั้งตลาดลงมาเหลือที่ 12 เท่า ทำให้หุ้นไทยกลับมามีความน่าสนใจลงทุนระยะยาว แต่คงต้องรอให้ฝุ่นหายตลบก่อน การลงทุนช่วงนี้จึงยังต้องใช้ความระมัดระวัง

 

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.thairath.co.th/content/520551

เรียบเรียงข้อมูลโดย ThaiJobsGov.com


[ads=center]

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: