เปิดข้อกฎหมายนับโทษ “สมคิด” ต้องบรรยายฟ้องให้ลงโทษสถานหนัก





เปิดข้อกฎหมายนับโทษ ‘คิด เดอะริปเปอร์’ ต้องบรรยายฟ้องให้ลงโทษสถานหนัก ชี้พฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม หากทำผิดภายช่วง 5 ปีหลังพ้นโทษ สามารถฟ้องขอให้ศาลเพิ่มโทษ 1 ใน 3 ได้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าว ถึงขั้นตอนการดำเนินคดี นายสมคิด พุ่มพวง ฉายา “เดอะริปเปอร์”ฆาตกรต่อเนื่อง ที่พึ่งพ้นโทษออกมา เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2562 ซึ่งภายหลังนายสมคิดยัง ก่อเหตุฆ่า นางรัศมี มุลิจันทร์ หรือ ฝ้าย อายุ 51 ปี แม่บ้านโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น สภาพศพท่อนล่างเปลือย บริเวณลำคอถูกพันด้วยเทปใส เมื่อกลางดึกวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา

นายประยุทธ กล่าวว่า นายสมคิดคนร้ายก่อเหตุฆ่าเหยื่อมา 5 คดี ซึ่งใน 5 คดีที่ผ่านมา ทางอัยการยื่นฟ้องต่อศาลให้ลงโทษทุกคดีทั้งหมดเเล้ว โดยทุกคดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 คดีแรก ก่อเหตุเมื่อวันที่ 30 ม.ค.48 ก่อเหตุฆาตกรรมชิงทรัพย์ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร อายุ 25 ปี นักร้องคาเฟ่ในห้องพักโรงแรม ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.48 ฆ่า น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย อาชีพหมอนวดแผนโบราณในโรงแรมที่ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.48 ฆ่าชิงทรัพย์ นางพัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ ในห้องพักโรงแรม ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.48 ฆ่า น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวดแผนโบราณ ที่โรงแรมใน อ.เมืองอุดรธานี คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.48 ฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ อาชีพหมอนวดแผน ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์

จากสถิติคดีทั้งหมดจะเห็นว่าในเดือนมิถุนายน 2548 เพียงเดือนเดียว นายสมคิดก่อเหตุฆ่าเหยื่อถึง 4 ศพ ซึ่งเมื่อคดีทั้งหมดพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลไปทั้งหมด โดยผลการพิจารณาคดีของศาลตั้งแต่ชั้นต้นจนถึงชั้นฎีกา ศาลพิพากษาประหารชีวิตทุกคดี แต่เนื่องจากนายสมคิดให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวน การพิจารณาเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษให้ เหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี

ในเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิตแล้ว สามารถประหารชีวิตได้เพียงครั้งเดียว แต่สุดท้ายเมื่อศาลลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี ซึ่งโทษจำคุกตลอดชีวิตตามกฎหมายสามารถจำคุกได้ 50 ปี แต่ตามกฎหมายไม่ใช้การนำตัวเลข 50 ปี มาคูณ 5 ซึ่งจะทำให้โทษเป็น 250 ปี แต่กฎหมายให้ลงโทษได้สูงสุด 50 ปีเท่านั้น นับตั้งแต่วันที่นายสมคิดถูกจำคุกครั้งแรกคือวันที่ 29 มิ.ย.2548 และก็ได้รับการลดหย่อนโทษในขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ กระทั่งถูกปล่อยตัวไปเมื่อช่วงเดือนพ.ค.2562 เมื่อปล่อยตัวก็กลับไปก่อเหตุซ้ำอีกตามที่เป็นข่าว

นายประยุทธ กล่าวต่อว่า คดีที่ผ่านมานั้นทางสำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินคดีทุกคดีตามพยานหลักฐานและข้อกฎหมายครบถ้วน ส่วนคดีที่นายสมคิดก่อเหตุขึ้นใหม่อีกนั้น ทางอัยการจะมีแนวทางในการดำเนินคดีเพื่อให้ความมั่นใจกับสังคมและประชาชน โดยในการพิจารณายื่นฟ้องทางอัยการจะต้องดูประวัติการกระทำผิด รวมถึงพฤติการณ์เพื่อบรรยายในคำฟ้อง รวมถึงการนำสืบให้ศาลเห็นพฤติการณ์ของจำเลย

หากจะต้องดำเนินการฟ้องขอให้ลงโทษเด็ดขาดรุนแรง อัยการก็จะทำหน้าที่ตรงนั้นอย่างสุดความสามารถ เพราะพฤติกรรมการกระทำผิดในลักษณะฆาตกรต่อเนื่อง ถือว่าเป็นภัยอันตรายต่อสังคม โดยตามกฎหมายแล้วหากกระทำผิดภายในระยะเวลา 5 ปีหลังพ้นโทษ อัยการสามารถฟ้องขอให้ศาลเพิ่มโทษ 1 ใน 3 ได้ แต่หากเป็นข้อเท็จจริงว่า คดีใหม่นี้เป็นคดีฆ่าโดยไตร่ตรองหรือฆ่าชิงทรัพย์ โทษสูงสุดจะประหารชีวิต ก็จะไม่สามารถเพิ่มโทษได้อีก

เมื่อถามว่า ในตอนยื่นฟ้องหากจำเลยรับสารภาพจะขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก โดยไม่มีการลดโทษได้หรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า เราจะไม่ก้าวล่วงการใช้ดุลยพินิจลงโทษของศาล แต่ก็มีหลักกฎหมายอยู่ว่า ถ้าการรับสารภาพของจำเลยหรือผู้ต้องหาไม่ว่าจะเป็นชั้นสอบสวน หรือชั้นพิจารณา เป็นประโยชน์ ศาลก็จะลดโทษให้ แต่ก็มีกฎหมายอีกจุดหนึ่ง ซึ่งตนเชื่อว่าอัยการก็จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า

การที่จำเลยรับสารภาพนั้นไม่ใช่การสำนึกผิด แต่เป็นเพราะจำนนต่อหลักฐาน ให้ศาลเห็นว่า การกระทำที่ฆาตกรรมต่อเนื่องมา 5 คดี ไม่ได้ทำให้เข็ดหลาบ ที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของอัยการถ้าเรานำสืบให้ศาลเห็นว่า รับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน ศาลก็จะไม่ยกประโยชน์ แต่ทั้งนี้ต้องดูข้อเท็จจริงในสำนวนคดีด้วย

เมื่อถามว่า คดีที่ผ่านมาศาลสั่งลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ในความเป็นจริงจำเลยติดคุกจริงเพียง 10 ปีเศษ และยังกลับมาก่อคดีซ้ำอีก มีความเห็นอย่างไร นายประยุทธ กล่าวว่า เรื่องการบังคับโทษจำคุกนี้เป็นเรื่องที่สังคมตั้งคำถามเช่นกัน แต่คนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดคือกรมราชทัณฑ์ แต่ขั้นตอนปฏิบัติต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์ก็มีกฎหมายรองรับอยู่

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากกฎหมายที่ใช้อยู่นั้นเอื้อต่อผู้ต้องขังมากไป สังคมไม่ได้รับความปลอดภัยมากไปหรือไม่ ก็ต้องกลับพิจารณาที่ตัวบทกฎหมาย ส่วนจะต้องแก้ไขกฎหมายหรือไม่ จะต้องวิเคราะห์กันหลายมุมและหลายองค์กรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมราชทัณฑ์ อัยการ ศาล นักอาชญาวิทยาตลอดจนนักวิชาการ ว่าถึงเวลาที่จะต้องแก้กฎหมายหรือไม่ เพียงใด

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: