น้อยคนจะรู้! สปสช.จัดสรรงบบัตรทองปี63 เพิ่ม “ยายุติการตั้งครรภ์”





ข่าวเก่ามาเล่าใหม่อีกที กระจายให้รู้กันทั่ว! บอร์ดสปสช.เห็นชอบเกณฑ์จัดสรรงบ “บัตรทอง” ปี 63 ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังรับมากสุดกว่า 9 พันล้านบาท ผู้ป่วยเอดส์กว่า 3,500 ล้านบาท เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ใหม่ 6 เรื่อง บริการตรวจคัดกรองยีนแพ้ยา-ยาสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์รุนแรงน้อยถึงปานกลาง–ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตกรณีธาลัสซีเมีย-เพิ่มวัคซีนโรต้าในเด็ก-เพิ่มยายุติการตั้งครรภ์-เพิ่มคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเจาะลึกระดับดีเอ็นเอ

1ก.ค.62 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (กองทุนบัตรทอง) ปีงบประมาณ 2563 จำนวน 190,601.71 ล้านบาท แยกเป็น 1.หมวดงบเหมาจ่ายรายหัว จำนวน 173,750.40 ล้านบาท สำหรับประชากร 48.264 ล้านคน เฉลี่ยคนละ 3,600 บาทต่อคนต่อปี แยกเป็น 9 ประเภทบริการ คือ ผู้ป่วยนอกทั่วไป ผู้ป่วยในทั่วไป บริการเฉพาะ บริการเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ แพทย์แผนไทย ค่าบริการทางการแพทย์ที่เบิกจ่ายในลักษณะงบลงทุน เงินช่วยเหลือผู้รับบริการและผู้ให้บริการ และบริการจ่ายตามเกณฑ์คุณภาพผลงานบริการ

2.หมวดงบค่าบริการอื่นนอกงบเหมาจ่าย จำนวน 16,824.30 ล้านบาท แยกย่อยเป็น 6 เรื่อง คือ ค่าบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ 3,596 ล้านบาท ค่าบริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 9,405 ล้านบาท ค่าบริการสาธารณสุขเพื่อควบคุมป้องกันความรุนแรงของโรคเรื้อรัง 1,037 ล้านบาท ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่ชายแดนภาคใต้ 1,490 ล้านบาท ค่าบริการผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่มีภาวะพึ่งพิง(ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุมีภาวะพึ่งพิงและผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง) 1,025 ล้านบาท และค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว 268 ล้านบาท

และ 3.หมวดเพิ่มเติมเฉพาะกรณี คือ ค่าชดเชยวัคซีนป้องกัน หัด คางทูม และหัดเยอรมัน เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดในภาคใต้ปีงบประมาณ 2561-2562 จำนวน 27 ล้านบาท ทั้งนี้ งบประมาณทั้งหมดหลังหักเงินเดือนบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นงบประมาณสู่การบริหารของสปสช.จำนวน 140,769.13 ล้านบาท

ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงในปีงบประมาณ 2563 ส่วนของหมวดงบเหมาจ่ายรายหัว 1.กรณีงบผู้ป่วยนอก ได้แก่ เพิ่มบริการตรวจคัดกรองยีน HLA`B*1502 เพื่อป้องกันอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม จากการแพ้ยาคาร์บามาซีปีน (Carbamazepine) เพิ่มยาโดนีพีซิล(Donepezil) สำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ระดับรุนแรงน้อยถึงปานกลาง การจ่ายบริการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เบื้องต้น(Fit Test) รวมไปกับเหมาจ่ายผู้ป่วยนอกทั่วไป 2.กรณีงบผู้ป่วยใน อาทิ รวมการบริการตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพิ่มรายการจ่ายชดเชยแบบบริการผ่าตัดวันเดียวกลับบ้านระหว่างปีได้ภายใต้วงเงินที่มี และกระจายอำนาจให้ระดับเขตกำหนดอัตราจ่ายเงื่อนไขพิเศษระดับเขต เป็นต้น กรณีงบบริการเฉพาะ อาทิ เริ่มบริการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตกรณีธาลัสซีเมีย เป็นต้น

และ 3.กรณีเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพิ่มวัคซีนโรต้าไวรัสเพื่อป้องกันโรคท้องร่วงในเด็ก เพิ่มยาเมดาบอนป้องกันยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย นำร่องคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์อายุ 35 ปีขึ้นไป ปรับการจ่ายชดเชยแบบตามรายบริการในบริการตรวจและป้องกันสุขภาพช่องปากในหญิงตั้งครรภ์ เพิ่มบริการเคลือบฟลูออไรด์ในเด็กอายุ 4-12 ปี และเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กอายุ 6-12 ปี และเพิ่มทางเลือกคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีเจาะลึกระดับดีเอ็นเอ(HPV DNA test)เป็นต้น

ทั้งนี้ งบกองทุนบัตรทองในปี 2563 เทียบกับปี 2562 พบว่า ในส่วนของหมวดงบเหมาจ่ายรายหัวนั้น เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 173.44 บาทต่อคนต่อปี จาก 3,426.56 บาทต่อคนต่อปี เป็น 3,600 บาทต่อคนต่อปี โดยส่วนที่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุด อยู่ในหมวดค่าบริการอื่นๆ นอกงบเหมาจ่าย คือ ค่าบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ได้รับ 3,596 ล้านบาท ปี 2562 ได้รับ 3,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 550 ล้านบาท หรืออัตรา 18% และค่าบริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ได้รับ 9,405 ล้านบาท ปี 2562 ได้รับ 8,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,123 ล้านบาท หรืออัตรา 13.6%

ข่าวจาก คมชัดลึกออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: