“อุตตม” ยันเศรษฐกิจไทยไม่แย่ พร้อมแจกโปรโมชันเพิ่มหากจำเป็น





“อุตตม” ยันเศรษฐกิจไทยไม่แย่ตามผลโพลล์ พร้อมเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหากจำเป็น จ่อปั้น “บล็อกเชน-เอไอ” เพิ่มประสิทธิภาพจัดซื้อจัดจ้าง หนุนนโยบายเทคโนโลยีเพื่อ  E-government

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังเปิดงานสัมมนาการเพิ่มความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ในการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะ โดยกล่าวถึงกรณีผลโพล์ของนิด้าโพลที่ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลไม่มีความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจเป็นเรื่องต้องการการแก้ไข ต้องใช้ระยะเวลา รัฐบาลเข้ามาเดือนกว่าเท่านั้น

“เราก็ทำกันเต็มที่แล้ว ซึ่งเราก็ทราบว่าเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร แต่เราก็ได้เริ่มดำเนินการที่จะดูแล ซึ่งหากดูแลเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่อย่างผลโพลที่ออกมา แต่ก็พร้อมรับฟังทุกฝ่ายที่ให้ข้อมูล” 

ส่วนกรณีที่มองว่าชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาไม่เพียงพอนั้น มีมาตรการดูแลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2562 จะโตถึง 3% หรือไม่

สำหรับนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐนั้น นายอุตตม กล่าวว่า ความโปร่งใสเป็นเรื่องที่สำคัญในการป้องปรามการทุจริต โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐจะต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากปัจจุบันการใช้จ่ายภาครัฐมีวงเงินสูงกว่าร้อยละ 15 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การปฏิรูป จึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยการลงทุนให้ได้ 20% ต่อปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนทั้งหมด ดังนั้น การดูแลเรื่องของการทุจริตจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการปรังปรุงแก้ไขกฏระเบียบเพื่อให้สอดคล้องกับกรอบมาตรฐานสากล โดยเน้นความคุ้มค่า ความโปร่งใส ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมไปถึงสามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการจัดซื้อจัดจ้างทั้ง 2 โครงการ ได้แก่

  • 1) โครงการโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐตามมาตรฐานของประเทศอังกฤษ
  • 2) โครงการข้อตกลงคุณธรรม ซึ่งเป็นข้อตกลงลายลักษณ์อักษรที่มีการร่วมลงนามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อจัดจ้าง

กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่ห้วงเวลาสำคัญของการปฏิรูป ด้วยการนำบล็อกเชน มาปรับปรุงการยื่นขอ/คืน/ยึด ขยายเวลาหนังสือค้ำประกันการจัดซื้อจัดจ้าง และเชื่อมโยงกับระบบธนาคารพาณิชย์ 25 แห่งโดยตรง และอื่นๆ

พร้อมกันนี้ ได้นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในการตอบคำถามที่ไม่ซับซ้อนเกินไป โดยเรียกว่า “แชทบอร์ท” เพื่อติดตามการอุทธรณ์ รวมถึงการลงทะเบียน การอนุมัติ และอื่นๆ ซึ่งในส่วนของ AI สามารถทำได้นอกเวลาทำการด้วย อย่างไรก็ดี คาดว่า 8-9 เดือน จะสามารถพัฒนาระบบAI ได้อย่างสมบูรณ์

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ผลักดันนโยบายการนำเทคโนโลยีเพื่อ E-government เข้ามาใช้ ดังนั้นต่อไปบล็อกเชนจะเป็นกระดูกสันหลังของระบบทั้งหมด โดน 1-2 เดือนข้างหน้ากระทรวงการคลังจะเปิดระบบบล็อกเชนที่เชื่อมระบบระหว่างกรมบัญชีกลางกับกรมภาษีทั้งหมด

ข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: