ยังไม่ล้มโปรเจค! กองสลากบินลัดฟ้าศึกษา‘หวยญี่ปุ่น’ เล็งปรับใช้‘สลาก12นักษัตร’ ชี้สิ่งที่ปรับยากคือจิตสำนึกคนซื้อในไทย!





สลากแบบรูปภาพ ขายผ่านออนไลน์ ‘12 นักษัตร’ ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ก่อนเสนอให้รัฐบาลเห็นชอบ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

ประเด็นสำคัญที่ต้องระมัดระวังและต้องตอบ คำถามให้ได้ว่า สลาก 12 นักษัตร มีความเหมาะสมอย่างไร มอมเมาหรือไม่ และจะช่วยแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งเกินราคาอย่างเด็ดขาดได้อย่างไร

แน่นอนว่าประเทศไทยมีสลากกินแบ่งรัฐบาลใน รูปแบบ ‘ลอตเตอรี่’ ที่ขายมาอย่างยาวนานเพียงรูปแบบเดียว’ ในขณะที่ปัจจุบันภายใต้การรับรองสมาคมลอตเตอรี่โลก หรือ World Lottery Association (WLA) กำหนดรูปแบบการเล่นสลาก รวม 5 ประเภท

1.สลากแบบใบ หรือ ลอตเตอรี่ 2.สลากแบบลอตโต 3.สลากแบบตัวเลข (Digit Game) 4.สลากแบบรูปภาพ หรือ แบบขูด และ 5.สลากแบบกีฬา

‘12 นักษัตร’ ไม่ใช่แบบใบเป็นสลากแบบใหม่และขายแบบออนไลน์ ถ้าจะคิดถึงผล กระทบรูปแบบและทิศทางการดำเนินจำเป็นต้องถอดบทเรียนจากประเทศอื่นๆ จึงเป็นโอกาสที่คณะทำงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พาสื่อมวลชนลัดฟ้าไปยังประเทศญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการพนันแบบเสรี มีสลากให้เล่นทุกรูปแบบ

ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วและมีรูป แบบการเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลที่หลากหลาย มีผลกระทบต่อมิติทางสังคม ที่ควรนำมาศึกษา ปรับปรุง ประยุกต์ใช้ ให้เกิดความเหมาะสมหากมีการออกสลากแบบใหม่ในเมืองไทย

สําหรับรูปแบบการจำหน่ายสลากของประเทศ ญี่ปุ่น แตกต่างจากประเทศไทย แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเป็นผู้จัดการออกรางวัล แต่หน้าที่ในการดำเนินการบริหารจัดการจำหน่ายสลากอยู่กับธนาคารมิซูโฮ ซึ่งเป็นผู้เปิดให้เอกชนเข้ามาขออนุญาตรับรับโควตาไปจำหน่ายอีกทอด

ไม่ใช่การจัดสรรโควตาจากรัฐบาลโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปถึงมือผู้จำหน่ายเองแบบไทย

เอกชนผู้จำหน่ายสลากที่ญี่ปุ่นจะเป็นผู้ ประเมินความต้องการตลาด หากมีการเบิกสลากไปจำหน่ายมากแล้วขายไม่หมดเอกชนก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง

เมื่อเอกชนเป็นผู้ดำเนินการเอง จึงไม่มีประเด็น ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว รับช่วงสลากไปขายต่อแบบไทย

การขายสลากที่ญี่ปุ่นจึงเป็นจุดจำหน่าย จริงจัง ตรวจสอบได้ ไม่มีแผงเดินขาย ทำให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสลากได้จากจุดขาย ได้ราคาจากต้นทาง ไม่มีเกินราคา

ขณะที่ประเภทสลากในญี่ปุ่นมีให้เลือกเล่น หลากหลายประเภท ทั้งสลากแบบใบ หรือสลากจัมโบ้ คล้ายลอตเตอรี่ของไทย แต่จะออกเฉพาะเทศกาลในจำนวนจำกัดปีละ 5 ครั้ง เช่น ช่วงใบไม้ผลิ ฮัลโลวีน วาเลนไทน์ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีสลากแบบขูดที่ลุ้นรางวัลทันที ขึ้นเงินได้ที่จุดจำหน่าย

และสลากแบบลอตโต ชนิด ลอตโต 6 ลอตโต 7 มินิลอตโต สลากตัวเลข และสลากแบบแทงผลกีฬา

ทั้งหมดสนนราคาสลากที่ 100-200 เยน หรือใบละ 30-60 บาท

นอกจากนี้ยังมีสลากพิเศษ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะระดมเงินเฉพาะ เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ เช่น การสร้างห้องสมุด

ล่าสุดการออกสลากชุด ‘โอลิมปิก 2020’ เพื่อระดมทุนเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 2020 หรือ พ..2563 กำหนดเงินรางวัลที่ 1 มูลค่า 25 ล้านเยน 4 รางวัล และรางวัลอื่นๆ รวม 150 ล้านเยน

ที่น่าสนใจสลากแบบพิเศษ หรือสลากแบบจัมโบ้ จะไม่สามารถซื้อแบบเลือกเลขได้ ดังนั้นถ้ามีเลขเด็ดเลขดังก็ซื้อไม่ได้ ตัดปัญหาเรื่องการรวมชุดเลขที่เป็นนิยมแบบของไทยไปได้อีกทางหนึ่ง

เรียกว่าพึ่งดวงล้วนๆ ถ้าอยากจะเลือกเลขได้ ก็ต้องไปเล่นสลากลอตโต หรือสลากแบบตัวเลขแทน

อย่างไรก็ดีแม้ว่ารูปแบบการเล่นสลากใน ประเทศญี่ปุ่นจะมีหลากหลาย ประเด็นที่น่าสนใจคือ จะเป็นการสนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมมอมเมาหรือไม่นั้น

นายฟุรุตะ โยชิยูกิ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำจุดจำหน่ายสลาก สาขา นิชิ กินซา ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า คนญี่ปุ่นไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเสี่ยงโชค การตัดสินใจซื้อสลากแต่ละครั้ง เพราะได้รับแรงกระตุ้นจากรัฐบาล ผ่านโฆษณาเชิญชวน

ดังนั้น ‘หวย’ ในทัศนคติของคนญี่ปุ่นไม่คิดว่าเป็นการพนัน แต่คิดว่าเงินส่วนหนึ่งสร้างสาธารณประโยชน์ในประเทศ ถือเป็นความร่วมมือในการพัฒนาประเทศ มีเป้าหมายในการนำรายได้จากสลาก นำไปพัฒนาประเทศ

ทำให้การออกสลากพิเศษแต่ละครั้งมีความหมาย สลากบางชุด ได้รับความสนใจ มีชาวญี่ปุ่นมาต่อคิวซื้อกว่า 4 ชั่วโมง

ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีแนวโน้มยอดขายสลาก ลดลงมาก จากที่เคยได้รับความนิยมมากที่สุดเมื่อ 14 ปีก่อน มียอดขายประมาณ 1.1 ล้านล้านเยน แต่ในปี 2559 ปรับลดเหลือ 8.45 แสนล้านเยน

เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นไม่สนใจการซื้อสลาก เพราะเห็นว่าถูกรางวัลยากและฟุ่มเฟือย ซึ่งสวนทางกับคนไทยที่ยังนิยมซื้อสลากทุกเพศ ทุกวัยเป็นอย่างมาก

ที่ญี่ปุ่นคนไม่ให้ความสำคัญกับการซื้อสลาก ทำให้เอกชนผู้ขายต้องทำการตลาดเพื่อจูงใจ จากการไปศึกษาดูงานพบว่าเก็บข้อมูลเชิงสถิติผู้ถูกรางวัล ในปี 2561 มีการสำรวจประชาชนชาวญี่ปุ่น ที่ได้รับรางวัลจากการถูกสลาก ตั้งแต่ 10 ล้านเยนขึ้นไป รวม 996 คน

สถิติสำรวจที่น่าสนใจพบว่า เพศชายถูกรางวัล 668 คน สูงกว่าเพศหญิง ที่ถูกรางวัลเพียง 328 คน

ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปเอ ถูกรางวัลมากที่สุดเป็นอันดับ 1 อันดับที่ 2 คือ กรุ๊ปเลือดโอ อันดับที่ 3 คือ กรุ๊ปเลือดบี กรุ๊ปเลือดที่ถูกรางวัลน้อยที่สุดคือ กรุ๊ปเลือดเอบี

เมื่อเก็บข้อมูลโดยจำแนกตามราศีเกิด พบว่า 3 อันดับแรกที่ถูกหวยบ่อยสุด คือ ราศีกันย์ รองลงมาคือ ราศีสิงห์ และราศีมังกร ส่วนราศีที่ถูกหวยน้อยที่สุด คือ ราศีพฤษภ และราศีตุล

เมื่อแบ่งผู้ถูกรางวัลตามอายุ ยังพบว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ถูกหวยมากสุด 453 คน คิดเป็น 45.5% รองลงมาคือ อายุระหว่าง 50-59 ปี ถูกหวย 200 คน คิดเป็น 20.1% และอายุ 40-49 ปี ถูกหวย 189 คนคิดเป็น 19% ส่วนอายุน้อยกว่า 29 ปี ถูกหวยน้อยสุดแค่ 54 คน คิดเป็น 5.4%

นายฟุรุตะระบุด้วยว่า ปัจจุบันสลากแบบจัมโบ้ได้รับความนิยมมากสุด เพราะเงินรางวัลจูงใจกว่า

สาเหตุของการซื้อสลากหรือแรงจูงใจในการซื้อ คือต้องการนำเงินมาสานฝันของตนเอง

การออกหวยในญี่ปุ่นมีถ่ายทอดสดการออกรางวัล ผ่านช่องรายการเฉพาะของแต่ละเกมแต่ไม่ค่อยมีคนดู ไม่ถ่ายทอดผ่านฟรีทีวี ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะซื้อร้านประจำและจะซื้อสลากเมื่อรู้สึกว่าตนเองดวงดี หรือเมื่อเสี่ยงเซียมซีได้ใบดีเท่านั้น

ด้าน พ...บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในส่วนของประเทศไทย ที่อยู่ระหว่างพิจารณาสลาก 12 นักษัตร จะนำแนวปฏิบัติของญี่ปุ่น มาปรับใช้อย่างรอบคอบ เหมาะสม

ยืนยันว่าขณะนี้เป็นเพียงแนวความคิดเท่านั้น ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะทำหรือไม่

จากการศึกษาดูงานในครั้งนี้พบว่า สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่หรือการวางระบบ แต่เป็นจิตสำนึก แม้ว่าความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สลาก จะตอบโจทย์เรื่องการแก้ไขสลากเกินราคาสักแค่ไหน

เมื่อจิตสำนึกที่มีไม่เท่ากันภายใต้โจทย์ เดียวกันอาจได้ผลลัพธ์แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะผลักดันสลาก 12 นักษัตร ต้องถามกันอีกครั้ง และหลายๆ ครั้งว่า พร้อมแล้วหรือยัง และมีจิตสำนึกเพียงพอหรือไม่

คนไทยยังอยากรวยจึงเป็นต้นเหตุของทุกปัญหา ทั้งขายเกินราคา ทั้งมอมเมา ส่วนคนญี่ปุ่นอยากช่วยเหลือสังคม

ถ้าเราคิดได้อย่างที่ญี่ปุ่นคิด ต่อให้มีสลากอีกร้อยรูปแบบ ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: