ผมไม่กลัวความลำบาก!! จากเสี่ยพันล้านผู้บุกเบิกธุรกิจไฟเบอร์กลาสสู่พ่อค้าขายราดหน้า ลุกสู้ใหม่อีกครั้ง โดยมี “ศิริวัฒน์แซนวิช”เป็นไอดอล





21 ก.ค.62 เฟซบุ๊ก Louis Srisakulpinyo Lin ถ่ายทอดเรื่องราวของเสี่ยธุรกิจพันล้านท่านหนึ่งที่ปัจจุบันขายราดหน้าเลี้ยงครอบครัว เพราะในอดีตธุรกิจมีปัญหาจนแทบไม่เหลืออะไร โดยมี “แซนวิชศิริวัฒน์” เป็นไอดอล ซึ่งรายละเอียดชีวิตของเขามีดังนี้

จากเสี่ยพันล้านผู้บุกเบิกชุดครัวไฟเบอร์กลาสแห่งแรกของทวีปเอเชีย สู่พ่อค้าราดหน้า ตลาดน้ำคลองลัดมะยม

ผมชอบกินราดหน้ามาตั้งแต่เด็ก แต่มันหากินยาก จึงหัดทำเอง และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนมีสูตรเฉพาะ เคยแอบคิดว่าวันหนึ่ง ผมจะขายราดหน้า

และวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ วันที่ผมตกงาน ในขณะที่ครอบครัวก็ต้องกิน ลูกต้องเรียน
สมชาย ศรีสกุลภิญโญ ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอริ่ง ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ครัวไฟเบอร์กลาส คนแรกของเอเชีย เปิดฉากสนทนา ขณะที่ตา ยังคงจับจ้องไปที่กะทะใบโต มือบรรจงผัดราดหน้า หน้าตาดี กลิ่นหอมฉุย ยั่วผู้คนที่เดินผ่านไปมาในเวลาใกล้เที่ยง ขณะที่สาวน้อยหน้าตาน่ารัก วิ่งซื้อ น้ำพริก น้ำปลา ดูชุลมุนแต่มีความอบอุ่นอยู่ในที เพราะสาวน้อยคนนั้นคือน้องเบลนางสาวศิริพร ศรีสกุลภิญโญ ลูกสาวคนเล็กกำลังใจสำคัญของผู้เป็นพ่อนั่นเอง

จากเสี่ยพันล้าน กับธุรกิจการงานที่โก้หรู ทำไมจู่ ๆ ถึงมาเป็นพ่อค้าราดหน้า เชื่อว่าหลายคนก็คงอยากรู้ที่มาที่ไป

คุณสมชาย ละจากหน้าเตา กระทะร้อน ใช้ผ้าขนหนูสีขาว ซับเหงื่อเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงสนทนา อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

อย่างที่บอกไปแล้วว่า ผมชอบทานราดหน้า แล้วมันก็หาทานยากมากในสมัยที่ผมยังเด็ก จึงมาหัดทำเอง ไม่มีใครทำอะไรได้ดีในครั้งแรก ผมก็เช่นกัน จึงพัฒนามาเรื่อย ๆ จากทำทานเอง ก็ทำให้คนในครอบครัว เพื่อนฝูง ออกโรงทาน ทำให้เด็กๆ กิน ทุกคนชมบอกว่าอร่อย จนมีสูตรเด็ดลับเฉพาะเป็นของตัวเอง จุดเด่นคือ ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใช้น้ำซุบกระดูกหมู
คุณสมชายบอกวว่า ต้นแบบและแรงบันดาลใจของผมส่วนหนึ่งมาจาก คุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ หรือ ศิริวัฒน์แซนวิส ที่ต่อสู้กู้วิกฤติชีวิตจนยืนได้ เพราะคุณศิริวัฒน์ไม่ยอมแพ้ และพร้อมที่จะสู้โดยมีครอบครัวเป็นกำลังใจ

“วันนี้เปิดร้านวันแรก เพื่อน ๆ ก็มาอุดหนุนกันเยอะ นอกเหนือจากกำลังใจที่มีให้กันเสมอมาแล้ว หลายคนก็อยากจะมาชิมราดหน้าฝีมือผมด้วยนั่นล่ะ อย่าว่าคุยเลย”
คุณสมชายพูด พร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี กับกลุ่มเพื่อนฝูง ที่ล้อมวงทานราดหน้าเป๋าฮื้อ ชามโต กันอย่างสำราญ พร้อมกับผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันอีกคน คือ คุณจารุนันท์ ผู้เป็นภรรยา ที่ยืนยิ้มและร่วมวงสนทนาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกระชับกระเป๋าเก็บสตางค์ให้อยู่กับตัว พร้อมกับพูดแบบอารมณ์ดีว่า “ขายวันแรกก็รวยเลย”

ขณะคุย ผู้เขียนเหลือบเห็นรอยไหม้บนใบหน้า ของคุณสมชาย อดไม่ได้ที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อวานผมให้ช่างมาติดตั้งแก๊ส ช่วงลองปิดเปิดไฟมันไม่เสถียร ก็เลยลุกพรึบใส่หน้า ผลเป็นแบบนี้ แต่วันนี้ก็ต้องมาเปิดร้าน มาขายด้วยตัวเอง เพราะเพื่อนฝูงบอกว่าอยากจะมาอุดหนุน แต่ที่ทำวันนี้ก็ยังไม่ครบสูตรเสียทีเดียว เพราะเพิ่งเปิดวันแรก อยากให้ได้มาลองทานกัน รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง

พูดจริง ๆ นะ ผมเริ่มธุรกิจอะไรใหม่ก็ตาม ไม่ว่าเล็กใหญ่ จะเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจตลอด ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่า “ดี” เพราะเราแยกออกว่า ใครที่จะมาเป็นลูกค้าเรา และกำลังซื้อของเขามีประมาณไหน มันเป็นช่วงเวลาที่ผมคิดว่า เป็นบทเรียนสำคัญที่ให้เราได้ศึกษาและพัฒนาเพื่อความเป็นหนึ่งในสิ่งที่เรากำลังทำ

“เคล็ดลับของผมมีข้อเดียวคือทำให้สำเร็จ ผมทำเฟอร์นิเจอร์ผมก็คิดว่าผมจะทำอย่างไรให้แตกต่างจากคนอื่น เครื่องครัวแบบเดิมเวลาทำครัวมันจะเลอะเทอะและเน่า ผมก็พัฒนามาเป็นไฟเบอร์กลาสความสะอาดง่าย ไม่หมักหมมสิ่งสกปรก และในทุกกระบวนการผลิต ผมต้องคุมเอง ตั้งแต่การวัด นั่นหมายความว่า ถ้าวัดผิดไปเพียงแค่เซ็นต์เดียว ความพอดีก็จะไม่เกิด เฟอร์นิเจอร์ก็ลงไม่ได้ ความละเอียดอ่อนในแต่ขั้นตอนของการทำงานแต่ละอย่างนั้นสำคัญมากที่ไม่ควรมองข้าม และจุดเล็ก ๆ ตรงนี้ที่ทำให้ผมไปถึงจุดสูงสุดของการพัฒนาเครื่องครัวไฟเบอร์กลาสรายแรกของเอเชีย” คุณสมชายเอ่ยอย่างภูมิใจ

อิ่มตัวกับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์แล้วใช่ไหม ถึงได้เดินออกมา การสนทนาเริ่มเข้าถึงเหตุผลของการเดินออกมาจากบริษัทที่สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง

ชีวิตผม เหมือนละครน้ำเน่าเล่มละไม่กี่บาท ที่พวกคุณเคยอ่านหรอก
ผมก็เหมือนครอบครัวคนจีนส่วนใหญ่ในสมัยก่อน ที่มาอาศัยอยู่บนแผ่นดินไทย แบบไม่ได้มีอะไรติดตัวมา คุณพ่อเริ่มกิจการเฟอร์นิเจอร์เล็ก ๆ ชื่อ “เตียเอ๊กเซ้ง เฟอร์นิเจอร์”
“ผมเริ่มทำงานตั้งแต่ 10 ขวบ ทุกเย็นหลังเลิกเรียนก็จะช่วยงาน จนสามารถเป็นนายช่างใหญ่ได้เต็มตัวด้วยวัยเพียง 13 ปี ทั้งพ่นสี ตัดกระจก เจาะมือจับ และประกอบตู้ และต่อมาก็ตัดสินใจออกจากโรงเรียนจบเพียงแค่ชั้น ม.1 เพราะฐานาการเงินทางบ้านไม่ค่อยดี จึงเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เรียนแทน ต่อมาเมื่อมองเห็นว่าการค้าขายแบบเดิมไม่อาจเพิ่มยอดขายได้ จึงตัดสินใจมาร้านเองในปี 2520 จึงเป็นที่มาของ หจก.เพชรเกษมเครื่องเรือน”

คุณสมชายนั้นเป็นบุตรคนที่ 3 ของนายเอ็กจือ แซ่เตีย และนางบ๊วย ศรีสกุลภิญโญ จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน

หลังจากก่อตั้ง หจก.เพชรเกษมเครื่องเรือนในปี 2520 แล้ว ต่อมาในปี 2525 ปีฉลองกรุงเทพมหานครครบ 200 ปี ได้มีโอกาสนำชุดเครื่องครัวไฟเบอร์กลาส ด้วยเงินก้อนแรกที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไปแสดงสินค้าที่สนามกีฬาหัวหมาก ถือเป็นการเปิดตัวครั้งสำคัญของเครื่องครัวไฟเบอร์กลาสซึ่งถือเป็นเจ้าแรกของประเทศและภูมิภาคเอเซีย สินค้าได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ คุณสมชายยังได้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ที่มียอดขายอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ละครดังสมัยก่อนใช้สินเค้าของคุณสมชายเข้าฉากแทบทุกเรื่อง เรียกได้ว่าแจ้งเกิดนักธุรกิจหน้าใหม่ได้อย่างงดงามในเวลานั้น

เมื่อสินค้าเฟอร์นิเจอร์เครื่องครัวได้รับการตอบรับที่ดี จึงได้เปลี่ยนชื่อกิจการจาก “เพชรเกษมเครื่องเรือน” มาเป็น บริษัทสตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอริ่ง มีผลประกอบการที่ดีเยี่ยม และมีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง

แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เกิดความไม่ลงตัวในหลาย ๆ และมีเหตุให้คุณสมชายและครอบครัวไม่สามารถทำงานในบริษัทได้ และนำไปสู่การฟ้องร้องเพื่อความเป็นธรรมถึง 13 คดี

สองปีที่ผ่านมา เงินทองที่สะสมมาได้ หมดไปกับคดีความ ในขณะที่ลูกสาวคนเล็กยังเรียนไม่จบ ลูกทุกคนได้รับผลกระทบจากจุดเปลี่ยนครั้งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผุ้เป็นพ่ออย่างเขา ต้องน้ำตาตก และโทษตัวเองว่า เป็นคนที่ทำให้ลูกต้องได้รับผลกระทบ

“ผมไม่เคยกลัวความลำบาก ผมไม่เคยกลัวตาย ผมผ่านความเป็นความตายมาแล้ว แต่สิ่งที่ผมห่วงคือลูก เขาทุกคนได้รับผลกระทบหมด บางคนอยู่ในภาวะซึมเศร้า แต่ผมสอนลูกผมทุกคนเสมอให้เป็นนักสู้ ให้อยู่อย่างสมถะ และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างคนที่พร้อมจะเดินหน้าต่อ แบบไม่ท้อ และให้อดทน ผมเชื่อว่าวันหนึ่งมันจะเป็นวันของผมและครอบครัว” คุณสมชายพูด พลางยกผ้าขนหนูขึ้นเช็ดน้ำตา ที่เอ่อขึ้นมา เมื่อพูดถึงลูก

นอกจากครอบครัวที่เป็นที่รักแล้ว คุณสมชาย ยังบอกด้วยว่า การเปิดร้านราดหน้าในครั้งนี้ นอกจากจะขายหน้าร้านที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมนี้แล้ว ยังอยากจะทำแฟรนไชซ์ ให้กับ คนงานและครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้าง เพราะเป็นคนของตนและภรรยา ซึ่งได้ทำงานมาด้วยกันหลายสิบปี ได้มีอาชีพ เงินลงทุนตั้งต้น ไม่เกิน 20,000 บาท ก็สามารถทำได้ และสามารถขายได้ เพราะราดหน้า เป็นอาหารที่ใครก็ทานได้ ขายไม่ยาก

สำหรับร้าน “ราดหน้าเอ็กจือ” ให้บริการอาหารระดับเหลา ทั้งราดหน้าธรรมดา และเป๋าฮื้อ กระเพาะปลาชามยักษ์ ทานได้ 4-6 คน โดยจะเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เริ่มตั้งแต่เวลา 9.00นถึง16.00น. ณ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม โซน 4

ราดหน้าสู้ชีวิตของเศรษฐีพันล้าน กับเรื่องราวที่น่าสนใจ แต่พันหมื่นเหตุผลใด จะยิ่งใหญ่เท่ากับ ทำวันนี้เพื่อ “ลูก”

แพรประพันธ์ นัยยุติ เรื่อง

วสันต์ วณิชชากร ภาพ

ขอบคุณข้อมูลจาก Louis Srisakulpinyo Lin

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: