เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่จ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นประธานแถลงนโยบายการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้กับตัวแทนจำหน่ายและกลุ่มผู้ซื้อจองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล
ที่มีการซื้อจองสม่ำเสมอ 18 จังหวัด จำนวนกว่า 500 ราย เพื่อชี้แจงนโยบายการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เกี่ยวกับสลากรวมชุดแบบคละเลข และการนำแอพพลิเคชั่นใหม่มาใช้ในการพัฒนาระบบการจำหน่าย รวมถึงขอความร่วมมือจำหน่ายสลากตามราคาที่กำหนด
พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าวว่า ภายในเดือนก.ค.นี้ สำนักงานสลากฯ จะเปิดแอพพลิเคชั่นใหม่ สำหรับให้ผู้ขายสลากฯ รายย่อยที่ลงทะเบียนไว้ 1.7 แสนราย และผู้ขายที่ไม่ได้ลงทะเบียน แต่มีอาชีพขายสลากจริง ให้มาลงทะเบียนยืนยันสถานะการซื้อขาย และจำนวนผ่านแอพฯ อีกครั้ง เพื่ออัพเดตข้อมูลของคนขายให้ทันสมัย และนำไปประเมินผล หากพบผู้ค้ารายใดที่ได้สิทธิ แต่ไม่เคยสั่งซื้อจอง หรือนำไปขายต่อก็จะพิจารณาตัดสิทธิ แต่หากใครจำหน่ายจริง ราคาตามกฎหมายก็อาจพิจารณาเพิ่มยอดซื้อจองต่อไป
“แอพฯ นี้จะเปิดให้ใช้สำหรับผู้ขายสลากโดยเฉพาะ โดยต้องกรอกข้อมูลเลขบัตรประชาชน ภาพถ่ายตัวเอง และแจ้งพิกัดการขายส่งมาให้สำนักงานฯ จากนั้นจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าขายจริงหรือไม่ ส่วนผู้ค้าสลากฯ ที่ไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี จะส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยดูแล ให้คำแนะนำด้วย โดยภายในแอพพลิเคชั่นยังเปิดช่องให้แสดงความคิดเห็น และร้องเรียนปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขายสลากฯด้วย”
สำหรับแนวทางการเพิ่มสลากฯ ซึ่งปัจจุบันให้ซื้อจองคนละ 5 เล่มต่องวด แต่ผู้ค้ามีการเรียกร้องขอเพิ่มเป็น 10 เล่มนั้น สำนักงานสลากฯ จะนำข้อมูลที่ผู้ขายลงทะเบียนผ่านแอพฯ มาประเมินผลร่วมกับข้อมูลจากแอพฯ GLO Lottery ที่ผู้ซื้อส่งเข้ามา
หากคนขายคนไหนมีผลตอบรับดี ขายจำนวนมากกว่า 5 เล่ม และไม่ถูกร้องเรียนขายเกินราคา ก็อาจพิจารณาเพิ่มให้เหมาะสม ขณะเดียวกันหากพบว่าไม่ได้มีการขายเอง นำไปขายต่อก็จะตัดสิทธิเด็ดขาด และเปิดโอกาสให้คนขายตัวจริงมาอยู่ในระบบแทน ไม่ต้องไปซื้อต่อจากยี่ปั๊วและมาขายเกินราคาอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเสนอผู้ค้าสลากรายย่อยในจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือ 17 จังหวัด ส่วนใหญ่ต้องการให้มีการเพิ่มจำนวนสลากฯ 5 เล่ม เป็น 10 เล่ม และยังเสนอให้สำนักงานสลากฯแก้ปัญหาที่ต้นทาง คือยี่ปั๊ว ที่ขายสลากแพง ทำให้ผู้ค้ามีต้นทุนสูงกระทบมาถึงปลายทาง ขณะเดียวกันแสดงความกังวลในการใช้แอพฯ ใหม่ในการลงทะเบียน เพราะไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีจนอาจทำให้ถูกตัดสิทธิได้
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ