64 วันหลังการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็น “พรรคอันดับ 2” จ่อ “ปิดดีล” จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการเมืองไทยด้วยจำนวนพรรคร่วมรัฐบาลถึง 20 พรรค มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) รวม 253-254 เสียง
พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คือพรรคการเมืองสุดท้ายที่ได้รับเชิญจาก พปชร. และมีแนวโน้มตอบรับการเข้าร่วมรัฐบาล เหลือเพียงรอ “ประกอบพิธีกรรมภายใน” ว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส. ของพรรคเท่านั้น
เวลา 11.00 น. แกนนำ พปชร. นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้า พปชร. ได้เดินทางมาส่งเทียบเชิญ “พรรค 52 เสียง” ถึงที่ทำการ ปชป. ถนนเศรษฐศิริ เพื่อให้เข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
นายอุตตมกล่าวว่า ขณะนี้เป็นการมาเชิญ ปชป. เข้าร่วมรัฐบาลตามธรรมเนียมและประเพณีปฏิบัติ ส่วนรายละเอียดทั้งเรื่องนโยบาย และการแบ่งงานในกระทรวงต่าง ๆ จะพูดคุยในลำดับต่อไป
ส่วน พปชร. ได้ตั้งเงื่อนไขหรือไม่ว่า ปชป. ต้องโหวตสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯ อีกสมัย นายอุตตมตอบว่า “ในครั้งนี้นอกจากจะเป็นพรรคร่วมแล้ว เราก็คาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนนะครับ”
พปชร. ไม่ติดใจ ปชป. หาเสียงไม่เอา พล.อ. ประยุทธ์
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่ติดใจแล้วใช่หรือไม่ที่ ปชป. เคยหาเสียงไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หัวหน้า พปชร. กล่าวว่า “อย่าใช้คำว่าพรรค ปชป. เป็นเช่นนั้นหรือไม่ ผมไม่ทราบ ก็มีความเห็นจากสื่อมวลชน เอาว่าอันนั้นผ่านพ้นไปแล้ว วันนี้เราอย่าไปติดใจ เราอย่าไปสร้างเงื่อนไข วันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีแล้วที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน”
ภาพที่ปรากฏในวันนี้ถือได้ว่า พปชร. ปิดดีลรัฐบาล 20 พรรคได้แล้วใช่หรือไม่ หัวหน้า พปชร. บอกว่าวันนี้อยู่ในกระบวนการที่หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายที่ได้แสดงความตั้งใจมาแล้ว โดยส่วนตัวคาดว่ากระบวนการโหวตเลือกนายกฯ น่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน พ.ค. ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยออกมาระบุไว้
เขายังแสดงความมั่นใจด้วยว่า พปชร. และพรรคร่วมรัฐบาลจะบริหารจัดการเสียงในสภาได้ หลังถูกสื่อมวลชนถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเพียง 253-254 เสียงจะอยู่รอด
สัญญาณจับขั้วเริ่มชัด หลัง พปชร. ชงชื่อ ชวน เป็นประธานสภา
นับจากวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. ปชป. ได้สงวนท่าทีต่อการ “จับมือ” ตั้งรัฐบาลกับขั้วใดมาโดยตลอด เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้า ปชป. หาเสียงด้วยการประกาศไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของ พปชร. เป็นนายกฯ อีกสมัย ก่อนลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรรคไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้พรรคเก่าแก่ตกที่นั่ง “พรรคต่ำร้อย” และมีการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารชุดใหม่
กระทั่งวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งมีการประชุมสภานัดแรกเพื่อลงมติเลือกประธานสภา ก็เริ่มปรากฏสัญญาณชัดเจนว่า ปชป. มีแนวโน้มจับขั้วตั้งรัฐบาลกับ “พรรคอันดับ 2” เมื่อ พปชร. ยอมถอย งดส่งชื่อแคนดิเดตประธานสภาในนามพรรค ซ้ำยังเป็นผู้เสนอชื่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา ปชป. ขึ้นเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วย
ปชป. จะประชุม คณะกรรมการบริหาร และ ส.ส. ของพรรควันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.) และคาดว่าจะมีการประกาศมติที่ชัดเจนออกมา
ขณะที่เวลา 15.00 น. แกนนำ พปชร. จะไปส่งเทียบเชิญพรรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้ร่วมรัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตามนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้า ภท. ได้ออกมายอมรับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. แล้วว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับขั้วนี้
แม้เป็นพรรคอันดับ 2 แต่ พปชร. ได้ประกาศจัดรัฐบาลแข่งกับพรรคอันดับ 1 อย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยอ้างว่าได้รับคะแนนมหาชน (ป๊อปปูลาร์) สูงสุด 8.41 ล้านเสียง ก่อนรวบรวมเสียงจากพันธมิตรได้ครบ 20 พรรค รวม 253 เสียง จาก ส.ส. ที่ได้รับการรับรองแล้วทั้งสิ้น 498 คน ทว่าถ้าคำนวณคะแนน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อใหม่หลังผลการเลือกตั้ง ส.ส. เชียงใหม่ เขต 8 ออกมา ซึ่ง พปชร. และ ปชป. ได้ ส.ส. เพิ่มพรรคละคน ขณะที่พรรคไทรักธรรม ซึ่งเป็น 1 ในพรรค 11 เสียง หมดสิทธิเข้าสภา ก็เท่ากับว่าขั้ว พปชร. มี 254 เสียง
ขณะที่ขั้ว พท. มี 7 พรรคพันธมิตร ด้วยยอด ส.ส. 244 เสียง หลังหักนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวออกไป และจะมี 245 เสียงเมื่อนับรวม ส.ส. เชียงใหม่
ข่าวจาก : BBC, Thapanee Eadsrichai
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ