หลุดอีกราย!! ลูกค้าถูกฉกเงินในบัญชี352,000บาท กรุงไทยสั่งลงโทษพนักงานแล้ว





 

พบผู้เสียหายถูกถอนเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทยเพิ่มอีก และทยอยเข้าแจ้งความแล้ว เผยเงินหายเกือบ 400,000 บาท เป็นเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต ล่าสุดธนาคารตรวจสอบเบื้องต้น พบพนักงานทุจริตขโมยเงินลูกค้า 13 ราย เป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท สั่งลงโทษแล้ว
 
กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพสมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน บอกเล่าเรื่องราวที่จู่ ๆ เงินของแม่ที่ฝากไว้ในบัญชีหายไป 290,000 บาท เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 เหลือเงินอยู่เพียง 3,000 บาท ทั้งที่เป็นช่วงที่แม่เดินทางมาหาหลานๆ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และไม่เคยมีบัตรเอทีเอ็ม หรือแอปพลิเคชันใด ๆ ของธนาคารเลย แต่เงินกลับถูกถอนที่อำเภอปาย จึงติดต่อสอบถามไปยังธนาคาร โดยธนาคารรับปากจะตรวจสอบให้ โดยเขาโพสต์ภาพและข้อความเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้สนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา และแชร์กันออกไปจำนวนมาก

ต่อมาวันที่ 7 มกราคม ผู้จัดการธนาคารสาขาดังกล่าวออกมายืนยันว่า เงินลูกค้าไม่ได้หายและขอเวลาตรวจสอบ พร้อมแจ้งเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่แล้ว และเมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายดังกล่าว ได้โพสต์ภาพสมุดบัญชีธนาคารอีกครั้ง พร้อมข้อความว่า ได้รับเงินคืนเรียบร้อยแล้ว 290,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 158 บาท แต่อยากได้คำชี้แจงจากธนาคารด้วยว่า ระบบขัดข้องได้อย่างไร และแก้ไขแล้วหรือยัง เพราะในสมุดบัญชีระบุว่า เงินถูกถอนจากหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร และมีรหัสพนักงานโชว์ชัดเจน จึงอยากให้ธนาคารมีมาตรการที่ดีกว่านี้ในการรักษาเงินลูกค้า ไม่ให้เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นอีก

ต่อมาช่วงบ่ายของวันที่ 8 ม.ค.62 มีผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.ปาย อีก 2 ราย โดย นางสม โอ๊ะ-เรือนแก้ว ชาวอำเภอปาย ที่ถูกถอนเงินออกจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว เล่าว่า หลังทราบข่าวมีลูกค้าที่ฝากเงินไว้กับธนาคารสาขาเดียวกับเธอเงินหาย จึงนำสมุดบัญชีไปปรับยอดเงิน พบว่า วันที่ 25 พฤษภาคม 2561 เงินในบัญชีถูกถอนไป 352,000 บาท หลังปรับสมุดบัญชีธนาคารรีบนำเงินเข้าบัญชีให้ตามเดิม พร้อมดอกเบี้ย เธอดีใจที่ได้เงินคืน ในส่วนของธนาคารจะเอาผิดกับผู้กระทำผิดก็ให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย

ส่วนอีกรายยังไม่ได้เงินคืน คือ นางกนกพร บุญถนอม ชาวอำเภอปาย เช่นกัน เธอบอกว่า เมื่อทราบข่าวมีการขโมยถอนเงินออกจากบัญชี ก็รีบนำสมุดไปปรับยอดที่ธนาคารเมื่อบ่ายวันที่ 8 ม.ค. พบว่าไม่สามารถปรับสมุดได้ และเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าจะชดใช้เงินคืนให้ แต่ต้องขอเวลาสักระยะหนึ่ง โดยไม่ระบุว่าจะชดใช้ให้เมื่อไร

เธอยังเล่าอีกว่า เงินที่มีอยู่ในบัญชี 352,000 บาท หายไปเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 เป็นเงินที่เก็บหอมรอบริบมาทั้งชีวิต กว่าจะได้แต่ละบาทต้องลำบากอย่างหนัก และต้องเก็บไว้ส่งลูกเรียนหนังสือ เพราะเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้เสียใจมาก แต่ได้นัดเจรจากับผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ในช่วงสายของวันที่ 9 ม.ค.

ก่อนหน้านี้ยังมี นายพงษ์ศักดิ์ จ่าเหว่ ชาวอำเภอปาย เข้าแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย สาขาปาย กรณียักยอกถอนเงินออกจากบัญชีลูกค้า โดยตำรวจได้พานายพงษ์ศักดิ์ไปที่ธนาคาร เพื่อนำสมุดไปปรับยอดเงินในบัญชี ซึ่งธนาคารได้ขอสมุดไปปรับให้ใหม่ และนำเงินเข้าบัญชีทดแทนให้ รวมดอกเบี้ย นายพงษ์ศักดิ์ไม่ติดใจดำเนินคดีกับธนาคาร

ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบ พบพนักงานทุจริต และมีลูกค้าเสียหายจากการกระทำของพนักงานรายนี้อีก 13 คน ธนาคารจึงสั่งพนักงานคนดังกล่าวหยุดปฏิบัติงาน และลงโทษตามระเบียบ รวมทั้งดูแลลูกค้าที่ได้รับความเสียหายทุกราย โดยนำเงินต้นและดอกเบี้ยเข้าบัญชีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบเรียบร้อยแล้ว

ธนาคารได้ขอโทษและขอให้ลูกค้ามั่นใจในระบบควบคุมภายใน และมาตรฐานการตรวจสอบ ตลอดจนระบบงานธนาคาร และกำชับให้ผู้บังคับบัญชาดูแลลูกน้องอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ พันตำรวจเอก สมาน จิตบุญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปาย กล่าวว่า ทางธนาคารได้ส่งผู้แทนมาดำเนินคดีกับพนักงานที่กระทำความผิดแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หลังจากนี้จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินคดีต่อไป

ข่าวจาก : ch7.com

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: