ฮีโร่มาแล้ว! ทนายรณณรงค์ไม่เชื่อน้องต้าแงเสียชีวิตเอง-ทนายอนันต์ชัยรุดช่วยคนขับรถไถ ไม่ได้ทำเด็กเสียชีวิตแน่นอน!





 

26 ธ.ค.61 ร.ต.อ.วีรยุทธ์ สุขแสง รองสว.สอบสวน สภ.สระยายโสม ได้รับมอบอำนาจจาก นางสาวมอ อายุ 20 ปี มารดา ของเด็กชายซูลุยผิว หรือ น้องต้าแง อายุ 2 ขวบ ชาวเมียนมา ที่หายไปกลางไร่อ้อย จ.สุพรรณบุรี นานกว่า 9 วัน และเมื่อวานนี้พบร่างในสภาพเน่าเปื่อยอยู่บริเวณร่องน้ำกลางไร่อ้อย ห่างออกไปจากจุดที่ปูพรมค้นหาประมาณ 200 เมตร เดินทางมาฟังผลการชันสูตรและรับร่างของเด็กชายซูลุยผิว เพื่อนำกลับไปให้ญาติทำพิธีกรรรมทางศาสนา ที่วัดนัทวัน ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

ร.ต.อ.วีรยุทธ์ เปิดเผยว่า ผลการชันสูตรเบื้องต้น จากการผ่า 2 รอบ โดยรอบแรกแพทย์เวรประจำวันเป็นผู้ผ่า รอบสองเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ไม่พบร่องรอยบาดแผลที่เกิดจากของมีคม ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย มีเพียงการถูกกัดแทะจากสัตว์เท่านั้น ตรวจสอบกระดูกไม่มีร่องรอยแตกหัก ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่าเด็กชายซูลุยผิว สภาพร่างกายบริเวณขามีลักษณะผิดรูปนั้น เกิดจากสภาพศพที่เน่าเปลื่อย ทำให้ข้อต่อตามจุดต่างๆ บิดผิดรูป ซึ่งสรีระข้อต่อของเด็กกับผู้ใหญ่จะต่างกัน คาดว่าเสียชีวิตแล้ว 5-10 วัน เบื้องต้นส่งเสื้อผ้าของผู้ตายตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย ส่วนอาหารในกระเพาะไม่สามารถตรวจได้ เนื่องจากสภาพภายในเน่าเปื่อย ตอนนี้ยังไม่ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต ต้องรอผลการตรวจให้ชัดเจนอีกครั้ง

ด้าน พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยทางโทรศัพท์กับทีมข่าว ว่า เจ้าหน้าที่ได้ตั้งแนวทางการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตหลายแนวทาง แต่ยังไม่ได้ให้น้ำหนักชี้ไปทางใดทางหนึ่ง เนื่องจากต้องรอการรวบรวมพยานหลักฐาน และผลการผ่าชันสูตรจากแพทย์นิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลักฐานสำคัญที่ศาลรับฟัง ประกอบกับสภาพศพเสียชีวิตมาหลายวันจึงสันนิษฐานทันทีไม่ได้

“จากการลงพื้นที่ตรวจสภาพร่างกาย พบว่าส่วนหลังจมน้ำไปครึ่งหนึ่ง สภาพร่างกายเน่าเปื่อย เกือบเหลวทั้งหมดแต่เมื่อดูจากผิวหนังบางส่วนที่แข็งด้าน พบรอยเขี้ยวของสัตว์ เช่น หนู ตัวเงินตัวทอง แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตหรือไม่ ส่วนบริเวณรอบๆ ศพ ยังไม่พบข้อพิรุธหรือร่องรอยของบุคคลอื่นแต่อย่างใด” ผบก.จว.สุพรรณบุรี กล่าว

ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้เดินทางมาที่ สภ.สระยายโสม อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่เชื่อว่าเด็กจะอดข้าวอดน้ำแล้วตายด้วยตัวเอง มั่นใจว่าเด็กอายุแค่สองขวบไม่มีทางเดินไปได้ไกลขนาด 3 กิโลเมตร ยิ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นออกมาว่าไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ ยืนยันว่าต้องมีคนทำให้เด็กตาย แล้วพาไปทิ้งในป่าอ้อย ซึ่งขณะนี้นายรณณรงค์ได้ขึ้นไปขอดูหลักฐาน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมมาได้ และจะร้องขอให้ตำรวจได้เข้าพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่ยังต้องสงสัยเพิ่มเติม สอดคล้องกับนายผิวและนางมอ ที่เชื่อว่าลูกชายถูกรถไถในพื้นที่ทับร่างจนเสียชีวิต

 

วันที่ 27 ธ.ค. 61 นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอบคอมเมนต์ภายในเพจเฟซบุ๊กทุบโต๊ะข่าวว่า “สงสารคนขับรถไถ ผมฟังการสัมภาษณ์ของท่านแล้ว ในความคิดของผม ผมว่าท่านบริสุทธิ์ อยากบอกท่านทนายคนที่ออกมาเรียกร้องว่า อย่าเยอะนัก ควรให้เกียรติตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เขาทำตามหน้าที่ได้ดีแล้ว”

ต่อมา นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวออนไลน์ อมรินทร์ทีวี ว่า สาเหตุที่ตนตัดสินใจโพสต์ข้อความดังกล่าว เนื่องจากพบว่าทนายคนหนึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม คือการไปโน้มน้าวให้เกิดกระแสในสังคมออนไลน์ และทำให้คนขับรถไถได้รับความเสียหายอย่างมาก รวมถึงพบว่าทนายคนดังกล่าววิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ ตนจึงมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควร เพราะจะดูคล้ายว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่น่าเชื่อถือ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ปฏิบัติงานกันอย่างเต็มที่

ตนจึงไม่ทราบว่าอีกฝ่ายออกมาเรียกร้องด้วยสาเหตุใด ทั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงของการเสียชีวิต และข้อสงสัยเกี่ยวกับสภาพของเด็กชายผู้เสียชีวิตออกมาแล้ว แต่คนบางคนกลับฟังไม่ได้ศัพท์เองหรือไม่ นอกจากนี้ ตนขอฝากถึงทนายคนดังกล่าวเอาไว้ว่า คนเป็นทนายก็ควรจะทำหน้าที่อยู่ในศาล ไม่ใช่มาเที่ยววิพากษ์วิจารณ์คนอื่นบนหน้าโลกโซเชียล

ทั้งนี้ ตนเห็นว่าคนขับรถไถคนนี้อาจเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นว่าเป็นคนมีลักษณะท่าทางซื่อ อีกทั้งทราบว่า ขณะที่ขับรถไถอยู่นั้นไม่ใช่การขับรถไถเข้าไปในดงอ้อย เป็นการปรับสภาพหน้าดิน ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะไม่เห็นตัวเด็กและขับรถชน และหากคนขับรถไถดังกล่าวเชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จริง หากติดต่อตนก็พร้อมจะช่วยเหลือ

นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องคนขับรถไถจะสามารถฟ้องครอบครัวชาวเมียนมากลับได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ตนยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ เนื่องจากจะต้องพิจารณาจากบริบทคำพูดให้สัมภาษณ์จากครอบครัวชาวเมียนมาว่ามีการชี้ชัดถึงตัวบุคคลเพียงใด แต่ทั้งนี้ อีกฝ่ายสื่อสารกันคนละภาษา จึงอาจทำให้เกิดความผิดพลาดทางการสื่อสารได้ค่อนข้างง่าย

 

ข่าวจาก : ONE31, อัมรินทร์ทีวี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: