เจ้าบ้านเปิดใจนาทีล็อกคอโจรจนตาย เผยถ้าไม่สู้ก็ดับ เครียดถูกข้อหาหนัก ทนายรณณรงค์ชี้ เป็นการป้องกันตัว ไม่ต้องรับโทษทางอาญา(มีคลิป)





 

จากกรณีคนร้ายเข้าบ้านพักประชาชนในซอยงามวงศ์วาน 18 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยนายทรงวุฒิ ปุณณรัตน์กุล อายุ 23 ปี นักศึกษาปริญญาโท เจ้าของบ้าน ได้จับคนร้ายที่บุกเข้ามาลักทรัพท์ในบ้าน ซึ่งเกิดการต่อสู้จนคนร้ายเสียชีวิต หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหากับเจ้าของบ้านว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 พ.ย. 61 (อ่าน : แจ้งข้อหาหนุ่มเจ้าของบ้าน หลังต่อสู้รัดคอโจรบุกปล้นทรัพย์ ดับคาที่)

 

 

วันที่1 ธ.ค. 61 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุ พบว่าถูกปิดเงียบ ด้านนอกถูกคล้องโซ่เอาไว้ ส่วนประตูด้านในถูกใส่แม่กุญแจ โดยนายสหรัฐ ปุณณรัตน์กุล พ่อนายทรงวุฒิ ให้ข้อมูลว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงชุลมุน ซึ่งลูกชายโทรศัพท์หาตนตั้งแต่เข้าไปถึงบ้าน และพบความผิดปกติ เนื่องจากข้าวของถูกรื้อค้น จากนั้นลูกชายขึ้นไปที่ชั้น 2 พบว่าห้องนอนถูกล็อกจากด้านใน จึงเปิดประตูเข้าไป ระหว่างนั้นตนก็ยังอยู่ในสายโทรศัพท์

 

 

เมื่อลูกชายเปิดประตูไปเจอคนร้ายนอนอยู่ในห้องนอน พร้อมมีมีดอีโต้วางอยู่ข้างตัว ลูกจึงเดินเข้าไปเอามีดออกมา จากนั้นเหมือนจะพยายามจับตัวคนร้าย แต่คนร้ายเกิดสู้ จึงมีการต่อสู้กับคนร้ายที่ชั้น 2 ของบ้าน ตนพยายามพูดผ่านสายโทรศัพท์บอกให้คนร้ายยอม จะได้ไม่มีการลงไม้ลงมือ ลูกชายก็ตะโกนบอกว่าคนร้ายไม่ยอม พยายามต่อสู้ทำให้เกิดการลงไม้ลงมือ จนลูกชายเหวี่ยงคนร้ายตกบันไดชั้น 2 ลงมาที่ชั้น 1 คนร้ายพยายามลุกวิ่งหนีออกไปหน้าบ้าน แต่ประตูเปิดไม่ได้ เนื่องจากล๊อกแม่กุญแจเอาไว้ ลูกชายจึงลงมาพยายามจับ แต่คนร้ายยังสู้อยู่ ลูกชายตนมีเพียงกระทะในการป้องกันตัว เนื่องจากอีกฝ่ายพยายามใช้มีดทำร้าย

โดยจังหวะหนึ่งที่คนร้ายบอกลูกตนว่าหิวน้ำ ลูกตนยังจะเดินไปเอาน้ำให้ แต่คนร้ายกลับลุกขึ้นสู้ตนอีก จนร่างกายลูกเต็มไปด้วยรอยเล็บ และรอยมือของคนร้าย

 

 

ส่วนสาเหตุที่คนร้ายเสียชีวิต น่าจะเกิดจากขณะคนร้ายพยายามต่อสู้ ลูกชายจึงพยายามกดคนร้ายลงกับพื้น และใช้มือรัดเอาไว้ จนคนร้ายแน่นิ่งไป รวมเวลาต่อสู้ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตนใช้เวลาเดินทางจาก จ.สระบุรีมาที่เกิดเหตุราว 1 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนทรัพย์สินที่หายไปมีประมาณ 8-10 รายการ เป็นพวกโทรทัศน์ เงินสด เครื่องประดับ กล้องถ่ายรูป มูลค่ารวมหลายแสนบาท อีกทั้งยังพบกระเป๋าเดินทางที่คนร้ายเก็บทรัพย์สินบางส่วนเตรียมจะขโมยออกไปด้วย

ปกติลูกตนจะมาพักที่บ้านนี้ช่วงคืนวันศุกร์และวันเสาร์ สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มาพัก ทุกอย่างยังคงปกติ คาดคนร้ายเข้ามาช่วงวันจันทร์-ศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนกล่องข้าว เป็นข้าวของบ้านตนที่ซื้อเก็บไว้ และคนร้ายได้นำออกมาอุ่นรับประทาน อีกทั้งคาดว่าคนร้ายน่าจะนำคนอื่นมาที่บ้านอีก เนื่องจากมีกระเป๋าเสื้อผ้าที่เหมือนย้ายบ้านมาอยู่  รวมทั้งถุงยางอนามัยตนก็ไปพบหลังจากเจ้าหน้าที่กลับไปแล้ว

ด้านนางนุดี ลีสุวรรณ ชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนได้ยินเสียงร้องให้ช่วย ตนก็เปิดบ้านมาดู ตอนนั้นคิดว่าข้างบ้านทะเลาะกัน ตนเดินออกมาดูก็เห็นบ้านปิดประตู ทุกอย่างเงียบ ตนจึงเข้าบ้านตามปกติ ส่วนบ้านเกิดเหตุปกติไม่มีคนอยู่ จะมีมาอยู่ช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เนื่องจากต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ

ตนเห็นบ้านนี้ผิดปกติเมื่อ 2-3 วันก่อน เพราะเห็นไฟที่ชั้น 2 เปิดไว้ ตอนนั้นยังคิดว่าเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นใครเข้าออกบ้าน ยอมรับว่าตกใจ เพราะตนอยู่ที่นี่มากว่า 10 ปี ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ ตนมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องสุดวิสัย หากเจ้าของบ้านไม่สู้ ก็อาจถูกคนร้ายทำร้ายเสียเอง

ขณะที่ นายพงศ์ (นามสมมติ) ชาวบ้านที่เข้าไปช่วยจับคนร้าย เปิดเผยว่า ตนเองพาสุนัขมาเดินเล่นช่วงประมาณ 21.00 น. ทุกอย่างเป็นปกติ เมื่อตนผ่านหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงคนตะโกนขอความช่วยเหลือออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุว่า จึงเดินไปเกาะที่รั้วบ้านที่เกิดเหตุ และตะโกนถามว่าเกิดอะไรขึ้น คนในบ้านก็บอกว่าคนร้ายเข้ามาในบ้าน พร้อมบอกว่าตอนนี้จับคนร้ายได้แล้ว ตนจึงรีบเปิดประตูบ้านเข้าไป สภาพที่เห็นคือ เจ้าของบ้านใช้มือข้างหนึ่งกดคนร้ายไว้ และใช้ตัวทับคนร้ายไว้ อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์พูดคุยกับบิดา ตนเองก็เดินเข้าไปหาเชือกมารัดคนร้ายเอาไว้ ส่วนตัวเห็นคนร้ายนิ่งไปแล้ว ตอนนั้นเข้าใจว่าสลบอยู่ จากนั้น ประมาณ 5-10 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามา

ตนเองมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ประสบเหตุ เล่าให้ตนฟังเพียงว่า เข้ามาในบ้านและพบว่าของในบ้านถูกรื้อค้น จึงไปดูที่ห้องนอน และพบคนร้ายนอนอยู่ในห้อง จากนั้นก็เกิดการต่อสู้กัน ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกัน คือช่วงต้นปีมีคนร้ายเข้ามาในบ้านหลังที่ประกาศขาย ไม่มีคนอยู่ และเข้าไปรื้อค้นของ นำของมีค่าไปขาย จากนั้นก็มาใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน

ตนเองมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นการต่อสู้กันเพื่อป้องกันตัว เชื่อว่าเจ้าของบ้านเองก็ไม่ได้หวังเอาชีวิตจากคนร้าย ซึ่งผู้ประสบเหตุเล่าว่าคนร้ายพยายามใช้อาวุธมีดทำร้าย จึงนำกระทะมาป้องกันตัว และใช้ฟาดไปที่คนร้าย แต่ไม่ทราบว่าเป็นสาเหตุการตายหรือไม่ แต่ส่วนตัวเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพบเจ้าหน้าที่จับคนร้ายมาปั๊มหัวใจ ตนได้ยินกู้ภัยระบุว่าคนร้ายยังหายใจอยู่ จนต่อมาระบุว่าเสียชีวิตแล้ว

 


นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม

 

นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม ให้ข้อมูลว่า การรัดคอจุดที่มีหลอดลมอยู่ หากออกแรงมากจนรัดให้ผู้ที่ถูกรัดไม่สามารถหายใจได้ 10-15 วินาที ก็สามารถทำให้คนที่ถูกรัดหมดสติจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ อีกทั้งกรณีที่เกิดขึ้น พบว่าคนร้ายมีการต่อสู้จนตกจากบันไดลงมาที่ชั้น 1 อาจมีอาการบาดเจ็บบอบช้ำร่วมด้วย และเมื่ออยู่ในสภาวะขาดอากาศ ก็ทำให้หมดสติได้ง่าย

 


นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ

 

นอกจากนี้ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ บอกว่า กรณีนี้ถือเป็นการป้องกันทรัพย์สินภายในบ้าน ขณะที่คนร้ายเข้ามาในบ้านเพื่อหวังต่อทรัพย์ และเจ้าของป้องกันตัว ซึ่งในกรณีการป้องกันตัว หากเจ้าของบ้านมีปืนและใช้ปืนยิงคนร้าย ก็ต้องดูว่ามีเจตนาอย่างไร หากคนร้ายจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย ถือว่าเป็นการยิงเพื่อป้องกันตัว แต่หากคนร้ายเห็นเจ้าของบ้านและวิ่งหนีเลย เจ้าของบ้านไม่มีสิทธิ์ยิงเพื่อทำร้าย แต่หากมีการยิง ก็ต้องดูเจตนาว่ายิงเพื่อหยุดคนร้ายหรือยิงหวังเอาชีวิต

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นมือเปล่ากับอาวุธ มีการยื้อแย่งอาวุธกัน และใช้แขนล็อกคอจนอีกฝ่ายตาย ถือว่าเป็นการป้องกันตัวโดยสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ไม่ต้องรับโทษทางอาญา

 

ข่าวจาก : อัมรินทร์ทีวี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: