จากกรณีสื่อในอินโดนีเซีย รายงานข่าวว่า วัยรุ่นในอินโดนีเซียกำลังหันมาใช้วิธีที่ทำให้เกิดอาการมึนเมาเคลิบเคลิ้มด้วยการดื่มน้ำต้มผ้าอนามัยกันมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมวัยรุ่นได้หลายคนทั้งในกรุงจาการ์ตา จังหวัดชวาตะวันตก และเมืองคูดุส จังหวัดชวากลาง ขณะกำลังต้มน้ำผ้าอนามัยและนำน้ำมาดื่มกินเพื่อทำให้ตัวเองมึนเมานั้น
ทางด้าน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในผ้าอนามัยมีสารเคมีที่เกี่ยวข้องหลายตัว ทั้งเทปกาว และพอลิเมอร์ ซึ่งตัวหลักที่เอามาต้มคือ พอลิเมอร์ดูดน้ำ หรือที่เรียกว่า Super absorbent polymer : เป็นเจลขาวใส หากเจอน้ำร้อนก็จะกลายเป็นสารละลายได้ เคมีในพอลิเมอร์ตัวนี้ประกอบด้วยวัสดุ 2 ชนิดคือ สารโพลิอะคริลาไมด์ (polyacrylamide) และสารไวนิลอะซีเตด-เอทิลีนโคโพลิเมอร์ (vinylacetate-ethylene copolymer) สารโพลิอะคริลาไมด์ เป็นโพลิเมอร์ที่มีสมบัติของการดูดซับน้ำไว้ในโมเลกุลได้เป็นจำนวนมาก สารสามารถดูดซับน้ำถึง 800 เท่า
ส่วนที่ทำให้ “เคลิบเคลิ้ม” ได้ เพราะสารเคมีทุกชนิดมีทั้งประโยชน์และโทษ ต้มดื่มแบบนี้ก็ส่งผลแน่นอนในระยะยาว ในระยะสั้นก็สารโพลิอะคริลาไมด์ มีผลกระทบต่อระบบประสาท เช่น กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ชาในมือและเท้า มึนงง ในกรณีรับเข้าไปเยอะแต่ระยะยาวมีผลต่อสมอง และอะคริลาไมด์ได้ก่อให้เกิดมะเร็งหลายชนิดในสัตว์ทดลอง หน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง (IARC), โครงการพิษวิทยาแห่งชาติ (NTP) และกรมอนามัยและมนุษย์ ได้สรุปว่า “อะคริลาไมด์เป็นสารก่อมะเร็งต่อมนุษย์ได้”
ส่วน สารไวนิลอะซีเตด-เอทิลีนโคโพลิเมอร์ (vinylacetate-ethylene copolymer) ก็ไม่เป็นระโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรครับ มีผลอาจทำให้ตาบอดเสียด้วยซ้ำ พอลิเมอร์กลุ่มนี้ set ตัวแล้ว เสถียรปลอดภัยใช้ภายนอกได้ แต่ไม่ควรต้มให้เป็นสารละลายเพื่อดื่มกินเข้าไปในร่างกาย แนะว่าอย่าทำตาม
ขอบคุณเรื่องราวจาก : Weerachai Phutdhawong
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ