แชร์ประสบการณ์ชีวิตเฉียดตาย ผู้ชายคนนี้ “สูบบุหรี่วันละ 3 ซอง” กินแต่น้ำอัดลมทุกวัน สุดท้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!





เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์สำหรับที่ที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยไม่ดูแลตัวเอง วันนี้เราจะขอหยิบยกตัวอย่างจาก สมาชิกพันทิปหมายเลข 4918821 โดยโพสต์เป็นเรื่องราวผ่ายเว็บไซด์พันทิปไว้ว่า

ผมขอแชร์ประสบการณ์สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ดูแล

สุขภาพตัวเอง แบบผมครับ เริ่มเรื่องเลยผมคิดว่า

ตัวเองค่อนข้างแข็งแรงตั้งแต่จำความได้มีป่วยบ้าง

แต่ไม่ต้องไปหาหมอ ไม่เคยนอนโรงบาล 

ร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีปัญหา



ผมเป็นคนไม่ค่อยมีระเบียบในการใช้ชีวิต เน้นตามใจ

ตัวเองเป็นหลัก 24 ชั่วโมง น่าจะได้พักจริงๆราวๆ 3-4 

ชั่วโมงต่อวัน หัวมันไบท์ คิดวนไปวนมา เรื่อยเปื่อย 

หลักๆน่าจะเป็นเรื่อง เงิน งาน ส่วนเรื่องครอบครัวผม

อบอุ่นดีครับ ส่วนใหญ่คงเรื่องเงินเป็นหลักครับ 555 



งานที่ผมทำ เป็นงานที่เราชอบและสนุกกับมัน

อยู่แล้วไม่มีปัญหาเรื่องการทำงาน แต่มันคาบ

เกี่ยวเรื่องเวลาค่อนข้างมากทำให้เราละเลยเรื่อง 

อาหารการกิน ข้าวกินไม่เคยตรงเวลา ข้าวเช้ากินเที่ยง 

ข้าวเที่ยงกินเย็น ข้าวเย็นกินก่อนนอน ยิ่งเรื่องออก

กำลังกาย ไม่ต้องถามครับไม่มีในระบบเลย



( งานที่ผมทำปกติครับ รับจูนรถ )



เลิกงานตี 2-3 ได้นอนก้ช่วงตี 4-5 ตื่นอีกทีราวๆ

8-9 โมงเช้า ตื่นมาจะไม่ค่อยสดชื่น ทุกเช้าผมนั่ง

ตั้งหลัก ด้วยการเขี่ยโทรศัพไปมา ดูเฟส ไลน์ ยูทูป

แล้วค่อยมาเช๊คว่า วันนี้ต้องไปหาลูกค้าที่ไหน ยังไง

จัดตารางงานในหัว ระหว่างนั่งเขี่ยโทรศัพไปมา 

ปลุกตัวเองให้สดชื่นด้วยโค๊กแก้วใหญ่ น้ำแข็งเยอะๆ

กินโค๊กเย็นๆ + บุหรี่ 6-7 มวน เหมือนกระตุ้น

ตัวเองตื่น( สดชื่นแสรส ) คือมันดีอ่ะ หลังจากได้

แพลนงานว่าวันนี้จะไปไหนมั้งแล้วถึงจะขึ้นไปอาบน้ำ

แต่งตัว ลงมาต้องมีโค๊กแก้วใหญ่+บุหรี่สัก 3-4 มวน

ก่อนรถถึงจะสตาร์ทติดได้ฤกษ์ออกไปทำงานกันสักที



ระหว่างเดินทางก้ยังเอาโค๊กแก้วใหญ่ติดไปด้วย 

ระหว่างทางไม่ว่าจะแวะที่ไหนต้องยืนดูดบุหรี่ก่อน

ไม่งั้นมันไม่มีแรงเดินไม่ว่าจะไกล้ไกลหรือไปแค่ร้าน 

ทุกครั้งที่ ลงรถได้ต้องดูดบุหรี่ตั้งหลักก่อนทุกวันก่อน

กินข้าวมื้อแรก ผมดูดไปอย่างน้อย 15 – 20 มวนแล้ว



ยิ่งเวลาทำงานไม่ต้องพูดถึง ไม่มีโค๊ก+บุหรี่งานไม่เดิน

หัวตื้อตอนนั้นเรียกได้เลยว่าติดมืออยู่ตลอดไม่เคยห่าง 

กว่าจะครบรอบวัน ผมดูดบุหรี่ประมาณ 60-70 มวนต่อวัน

ไม่ว่าผมจะทำงานอยู่บ้าน ที่ร้าน หรือออกต่างจังหวัด

ปริมาณมันไม่ได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดเอะอ่ะ

ก้สูบตื่นมาสูบนั่งเล่นสูบ ก่อนกินข้าวสูบ หลังกิน

ข้าวก้ต้องสูบ ระหว่างทำงานยิ่ง มวนต่อมวนเลย



ผมสูบบุหรี่ตลอดเวลา ยกเว้นตอน กินข้าว อาบน้ำ 

แล้วก้ตอนนอนแค่นั้นเอง นอกนั้น ติดยังก่ะถังออกซิ

เย่นไม่เคยห่างมือ ไม่งั้นหงุดหงิด ไม่สดชื่น น่าจะมา

จากนิสัยและความเคยชินที่ต้องมีบุหรี่ติดมือตลอดเวลา



แล้ววันดีเดย์ก้มาถึง ผมเลิกงานกลับห้องอาบน้ำปกติ

ก่อนนอนผมจะนั่งเล่นโทรศํพท์มีโค๊กแก้วใหญ่+บุหรี่

สัก4-5มวนเป็นปกติ แต่วันนี้ดูดไปได้2-3มวนเริ่มสั่น

คิดว่าอ้อปกติ วันไหนเราดูดเยอะหน่อยจะมีอาการนี้

แป๊บๆเดี๋ยวก้หาย ผมเลยเข้านอนดีกว่า พอเข้าห้องได้

ปกติอาการสั่นไม่เคยเกิน 15 นาทีจะหายไปเอง

วันนี้ครึ่งชั่วโมงก้ไม่หาย ชั่วโมงกว่าแล้วก้ยังไม่หาย

ลุกขึ้นมานั่งค่อยๆหายใจลึกๆ ทำไมว้นนี้มันแปลกๆว่ะ

สักพักเริ่มใจสั่น เหงื่อออกทั้งตัว ทั้งๆที่เปิดแอร์ 20 

องศาตลอด ดูแล้วไม่ค่อยเข้าที ไปโรงบาลสิครับ

รออะไร ระหว่างทางสั่นจนบอกไม่ถูกไม่เคยเจอ

อาการแบบนี้ เหมือนคนตกใจ กลัวตัวเองตาย

โรงบาลห่างห้องไม่ถึง 3 กิโล แต่เหมือนโคตรไกล

พอถึง รพ หมอถามอะไรฟังไม่รู้เรื่องแล้ว รู้แต่สั่นมาก

หายใจไม่ออก แน่นไปหมด เค้าให้ค่อยๆหายใจช้าๆ

แต่ผมทำแล้วไม่รู้สึกดีขึ้น แต่สบายใจขึ้น ถ้ากูน๊อค

ก้ยังอยู่ รพ ไม่น่าเป็นไรมั้ง ( ให้กำลังใจตัวเอง 555 )

อยุ่ รพ ประมาณ 4 ชั่วโมง เช๊คความดัน ตอนมาถึง

ความดันตัวบนขึ้นไป 180 ตัวล่าง 130 หมอบอก

น่าจะตกใจมันเลยขึ้นสูง เพราะ 2 ชั่วโมงหลัง

กลับมาอยู่ที่ 140 110 เช๊คคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ปกติดี

ไม่มีปัญหา หมอเลยให้กลับไปพักไม่ต้องนอน รพ



กลับมาถึงห้องนอนหลับปกติตื่นมาก้เข้าวงจรเดิม

แต่มันไม่เหมือนเดิมครับ ผมดูดบุหรี่ได้ไม่เกิน 2 ตัว

อาการมือสั่น ใจสั่น หน้าชากลับมาอีกครั้ง หึ้ยไหน

หมอว่าปกติ อาการตกใจกลับมาอีกครั้ง หน้าชา

มือสั่น ใจสั่น เหงื่อ ออกมือ ออกเท้า เอาแล้วเว้ย

งานมาอีกแล้ว ไป รพ ดีกว่า แต่รอบนี้ขอย้าย รพ

หน่อยไป รพ ใหม่พอถามอาการเบื้องต้นเสร็จ

วัดความดัน ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เค้าก้จับอัด

น้ำเกลือ + ยาก่อนเลย 2 ชั่วโมงกว่าหมอถึง

มาถามอาการอีกที หมอที่นี้สวยครับฮ่าๆๆ

หมอบอกต้องมาเช๊คร่างกายแบบละเอียดอีกที 

หมอเลยให้กลับมาพักก่อน กลับมาถึงห้องเหมือน

เดิมครับต่อบุหรี่ดุดไปสองคำเชรดสั่นมาอีกแล้ว



เช้าวันต่อมาผมตีกลับบ้านที่ขอนแก่นเลยครับจะได้

ไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดซะหน่อย ขับไปถึง

ปากช่องแวะจอดรถจะเข้าห้องน้ำ พอก้าวขาเหยียบ

พื้นตกใจอีกครั้ง ปั้มที่มีคนเยอะแยะมากมายแต่ผม

ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว มันเงียบไปหมด

เห็นแต่ภาพคนเดินไปเดินมา แล้วก้รู้แค่ว่าตัวเองปวดฉี่

ผมรีบเดินไปฉี่เหมือนตัวลอยๆ พอเดินกลับมาถึงรถ

เสียงถึงค่อยๆกลับมาอีกครั้ง ผมข้บต่อไม่ไหวย้ายมา

นั่งแทนพอผมตื่นอีกทีก้ถึงขอนแก่นแล้ว



(นอนโรงพยาบาลครั้งแรก)



พอมาถึงขอนแก่นไม่ต้องรอครับเข้า รพ 

แอดมิทเลยตรวจทุกอย่าง ที่เจอหลักๆเลย 

คือเลือดผมข้นมาก 56 % ปกติถ้าเกิน 55 % 

เค้าจะให้ถ่ายเลือด แต่ของผมหัวใจเต้นอ่อนแอ 

ไม่มีแรงบีบ เลยไม่สามารถ ถ่ายเลือดใหม่ได้ 

อาการนี้สาเหตุหลักเกิดจาก การไม่ดื่มน้ำเปล่าครับ 

ผมกินแต่น้ำอัดลมมาตลอดหลายปีแถมดูดบุหรี่ค่อน

ข้างจัด ทำให้ออกซิเย่นในเลือดน้อย แถมไขมันใน

เลือดสูง ไตรกรีเซอรไลน์สูง มาเป็นชุดเลยทีนี้ 



ผมไปศูนย์หัวใจเพื่อทำเอ๊คโค่หัวใจ โชคยังดี

ทุกอย่างเป็นปกติแต่มันไม่มีแรงขับเคลื่อนตัวเอง

เนื่องจากเราใช้บุหรี่กับน้ำอัดลมมากระตุ้นตัวเองอยู่

ตลอดเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องดูดบุหรี่กับกิน

โค๊กอยุ่ตลอดพอต้องหยุดทุกอย่างเลยไม่มีแรงกระตุ้น



หลังจากรู้ถึงสาเหตุหลักของต้นเหตุแล้วแน่นอนการ

รักษาก้เข้ามา โดนงดทุกอย่าง ทอด หวาน มัน เค็ม

อาหารทะเล ที่สำคัญเลย น้ำอัดลม แล้วก้บุหรี่ด้วย

งานเข้ากูล่ะเพราะปกติแค่ขยับก้ต้องดูดแล้ว 

น้ำอัดลมก้กินแทนน้ำเปล่าเลย คอหมูย่าง เนื้อย่าง 

บุพเฟ่ มันทางของผมชัดๆ ปกติอาทิตย์นึงกิน 3-4 วัน



พองดวันแรกก้เอ๋อเลยครับนอกจากนอนแล้วไม่มีแรง

ทำอะไรเลยหมอให้คุมอาหาร ออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง 

เพื่อให้หัวใจ กับมาเต้นแรงและสูบฉีดเลือดได้ดีอีกครั้ง

ผมต้องเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่เลย ทุกอย่างต้องหยุด

แต่พอหยุดแค่แรงจะเดินก้ไม่มี นอนเป็นผักเลยครับ

ยืนเฉยๆก้เวียนหัว นั่งๆนอนๆ ทั้งวันไม่มีแรงทำอะไร

หมอให้พยามยามออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยวันละ

ครึ่งชั่วโมง แต่ตัวผมเริ่มออกกำลังกายโดยการ

เดินช้าๆแค่ 5 นาที ช่วง 4 โมงเย็น รู้สึกมันเหนื่อย

ยันสี่ทุ่ม ขาสั่นมือสั่นใจสั่นไปหมด หมอบอกให้ค่อยๆ

ออกเดี๋ยวก้ดีขึ้น ผมก้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป จากคน

ทำงานได้ทั้งวัน ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นนอนทั้งวันแทน



ในช่วง 2 เดือนแรก 07.30 กินข้าวกินยา แล้วก้นอน

ตื่นอีกที 11 โมง 11.30 กินข้าวกินยา นอนต่อ 

ตื่นอีกทีประมาณ สี่โมงเย็น พยายามออกกำลัง

เล็กๆน้อยๆ เพื่อให้ได้ขยับตัวบ้าง เผื่อให้ร่างกาย

ปรับระบบใหม่พอ 17.30 กินข้าว กินยาอีกรอบ 

คราวนี้หลับยาวยันเช้า วนเวียนกันอยุ่อย่างงี้ 

ถ้าคนเคยทำงานทั้งวันจะมองภาพออกว่า

การอยู่เฉยๆทำอะไรไม่ได้น่าเบื่อมาก



เข้าสู่เดือนที่ 3 ร่างกายผมเริ่มปรับตัวได้ในระดับนึง

เริ่มออกกำลังเบาๆ เดินช้าบ้าง เร็วบางได้ ราวๆ

10 นาทีถือเป็นแนวโน้มที่ดีเลยหล่ะผมยังอยากดูด

บุหรี่กินโค๊กกินกับข้าวอร่อยๆอยุ่ตลอด แต่ยังทำอะไร

ไม่ได้ เก็บแรงไว้เดินดีกว่า ไอ้ที่อยากนี่ถึงขั้นเก็บไปฝัน 

ฝันว่าได้บุหรี่ซอง กับ โค๊กถังใหญ่ ตื่นเช้ายัง

สดชื่นเลยนี่ขนาดในฝัน อะไรมันจะขนาดนั้นช่วงปรับ

ตัวนี่เป็นช่วงที่ค่อนข้างลำบากมากสำหรับผมเลย

ผมยังคงทำกิจวัตรเดิมๆซ้ำ แบบเดิมอยุ่ทุกวันๆ





(ฝังเข็มมันจะคันๆหัวหน่อยๆจร้า)

เข้าสู่เดือนที่ 4 ผมเริ่มปรับยา ฝังเข็ม โอ้มันจี๊ดมาก

กลับมาพักวันนึง อีกวันเดินได้ปกติ เริ่มออกกำลังกาย

ได้นานครึ่งเกือบชั่วโมง ไม่ต้องนอน อย่างเดียวแล้ว

ร่างกายค่อนข้างตอบสนองดีกับการฝังเข็มและปรับยา

แต่ยังกินได้แค่ ข้าวต้มหมู ต้มยำ กับน้ำเปล่าอยุ่เหมือน

เดิมนอกนั้นหมดให้งดไว้ก่อน ของอร่อยๆอดหมดจร้า





เข้าเดือนที่ 5-6 ด้านร่างกายค่อนข้างดีขึ้นมากครับออก

กำลัง 30 นาทีได้สบายๆเลยแต่โหมไม่ได้เพราะมัน

ต้องค่อยๆปรับตัวไปทีละนิดๆ แต่ได้อาการใหม่มาแทน

คือกลัวฟ้ามืด พอพระอาทิตจะตกแสงแดดเริ่มหาย

จิตใจจะเศร้าหมอง เหมือนไม่ยากให้มันมืด พอฟ้ามืด

ก้จะกลัวต้องอยุ่ในบ้านถึงจะรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย

ซึ่งแต่ก่อนฟ้ามืดเมื่อไหร่หล่ะตาแป๋วเลยละ เพราะผม

ทำงานกลางคืนเป็นหลักด้วย พอมาเจออาการนี้ยิ่ง

หนักเข้าไปใหญ่ เข้าจิตเวช หมอมองเป็นอาการวิตก

กังวล ซึ่งเป็นได้จากหลายสาเหตุ อาจจะเกิกจาก

การที่นอนอยุ่กับบ้านไม่ได้ออกไปไหน ผมกลัวการ

ออกไปนอกบ้าน กลัวกลางคืนเพราะรู้สึกว่าตัวเอง

ไม่ปลอดภัย อาจจะเพราะอยุ่บ้านอย่างน้อยยังมี

พ่อแม่อยุ่ เป็นไรขึ้นมาไม่ต้องกลัวเลยสบายใจ

มากกว่าอยุ่นอกบ้านเลยเป็นวิตกกังวลเพิ่มมาอีก





(เริ่มออกกำลังได้นานขึ้น)



เดือนที่ 7 ตอนนี้ผมเข้าเช๊คมาแล้ว 5 รพ อาการเริ่มดี

ขึ้นตามลำดับใช้ชีวิตได้ค่อนข้างปกติมากขึ้น ค่อยๆ

ปรับตัวกันไปจากลัวนุ้นกลัวนี่ก้เริ่มลดลง ผมเริ่มกลับ

มาขับรถด้วยตัวเองอีกครั้งที่ตลกคือผมขับรถในช่วง

ความเร็วเกิน 80-120 ผมจะสั่น ต้องลดความเร็วลงมา

ขับให้ไม่เกิน 80 ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย ฮ่าๆๆ





(กลับมาทำงานวันแรก )



เข้าสู่เดือนที่ 8 เดือนนี้ค่อนข้างหนักสำหรับผมเพราะ

กลับไปอยู่ที่บ้านมานาน พอกลับมาอยุ่กรุงเทพต้อง

ปรับตัวใหม่ทั้งหมด อาหาร การกิน เวลาของการทำงาน

ต้องปรับตัวใหม่ หลังจากพักร่างกาย มานานพอ

สมควร เข้างานวันแรกก้โดนเลย เจอควันรถ เวียนหัว

เป็นชั่วโมง อาการไม่ถ่ายเท กลับห้อง ห้องก้แคบ 

เดินสามเก้าก้สุดห้องแล้ว ทุกอย่างดูอึดอัดไปหมด 

แต่ก้ต้องค่อยๆปรับสภาพไปตามสถานการณ์ 

กว่าจะเริ่มกลับมาทำงานได้แบบปกติก้ปาเข้าไป

ช่วงเดือนที่ 11 แล้วถึงเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มลง

ตัวและค่อยๆดีขึ้นเหมือนก่อน



ตอนนี้ครบ 1 ปีแล้วที่ผมป่วย โดยรวมอาการผม

ค่อนข้างดีขึ้นมากเริ่มปรับตัวได้ในระดับนึง

ส่วนอาการเลือดข้นค่าจาก 56% ลงมา

52% แล้วแต่ก้ถือว่าดีแล้วที่เรายังอยู่มาได้ถึง

ทุกวันนี้โชคดีมากแล้วที่เรายังมีโอกาสได้ใช้ชีวิต





ตั้งแต่ผมป่วยผมให้ความสำคัญกับการหาเงินน้อยลง

รู้จักการดูแลตัวเองมากขึ้น คนที่อยู่ข้างเราในวันนั้น 

บอกเลยว่าสุดใจจริงๆ ถ้าวันนั้นผมเป็นอะไรไป 

โอกาสที่มีเข้ามาก้คงไม่มีประโยชน์ เพราะเราไม่มีชีวิต

อยุ่แล้ว ผมยังมีอะไรอีกมากมายที่ฝันไว้ ทำไมผมต้อง

เอาสุขภาพไปจมกับการหาเงิน เผื่อมารักษาตัวเอง 

ผมเริ่มถอยออกมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ให้เวลา

กับตัวเองมากขึ้น  ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง 

ถ้าวันนี้ยังมีแรงอยู่อยากทำอะไรรีบทำเถอะครับ 

เราเกิดมาต้องตายทุกคนตอนที่ยังอยู่ใช้ชีวิตให้สนุกครับ 

เอาที่คนอื่นไม่เดือดร้อนกับการกระทำของเรานะครับ



สุดท้ายนี้อยากฝากให้พี่ๆทุกคนหันมาดูแลสุขภาพ

ไม่ต้องรีบร้อนในวันสองวัน ค่อยๆ ลด ละ เลิก 

ดื่มน้ำเยอะๆอันนี้ช่วยได้เยอะมาก ออกกำลังให้

เหงื่อออกอาทิตย์ละ 2-3 วันก้ยังดี





ไหว้พระสวดมนต์ช่วยได้เยอะมาก เป็นกำลังใจให้ครับ ผมก้ยังต้องสู้ต่อครับ

ขอบคุณเรื่องราวจาก : สมาชิกพันทิปหมายเลข 4918821 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: