ฝากขัง “2 ผู้ต้องหาหลอกทำข้าวหมื่นกล่อง” หลังตำรวจสอบเครียด นานหลายชั่วโมง ก่อนหน้ามีคดีติดตัวอีกเพียบ!





จากกรณีนางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปี ชาว ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ถูกว่าจ้างให้ทำข้าวกล่อง 10,000 กล่อง และน้ำดื่ม 10,000 ขวด เพื่อส่งโรงงานใน จ.พิษณุโลก แต่ผู้ว่าจ้างไม่มารับของและไม่จ่ายเงินโดยอ้างว่าทำผิดสัญญา ทำให้สูญเงินไปร่วม 1 ล้านบาท จากนั้นมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมว่าถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน ทำให้พ่อเครียดถึงขั้นเสียชีวิต ทั้ง ตร.ระบุว่าคนจ้างเคยถูกจับคดีฉ้อโกงมาหลายพื้นที่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

คืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรพญาแมน คุมตัวนางธนิตา จันทร์อิ่ม ผู้ว่าจ้างทำข้าวกล่องสอบปากคำเพิ่ม หลังจากเมื่อคืนนี้สอบปากคำนานหายชั่วโมงก่อนปล่อยตัวไป โดยการสอบปากคำครั้งแรก นางธนิตา และน.ส.กัญจ์หทัย สุกใส ทั้งคู่ยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวงแม่ค้า อ้างว่าแม่ค้าทำผิดตามสัญญา ที่ส่งอาหารไม่ทันตามเวลา ยืนยันจะขอฟ้องคดีแพ่งกับแม่ค้าที่กล่าวหา ขณะที่ตำรวจรวบรวมหลักฐาน พบว่านางธนิตา และนางกัญจ์หทัย ไม่มีสัญญากับบริษัทในจังหวัดพิษณุโลกที่ถูกแอบอ้าง โดยไม่พบว่ามีการโอนเงินทำธุรกรรม

ต่อมา เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นางธนิตา และนางสาวกัญจ์หทัย ขึ้นรถเพื่อนำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ท่ามกลางกันรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทั้งคู่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว

พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหา 2 คนมาสอบเพิ่มเติม เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกอย่างมีหลักฐานแน่นหนาที่สุด ในการพิสูจน์ความผิด หรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เพื่อนำคดีขึ้นศาล และให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย โดยนำผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาล หากศาลไม่ให้ประกันตัวก็เข้าเรือนจำ หรือหากให้ประกันตัวในชั้นศาล ก็จะต้องรายงานตัวทุกระยะ

นอกจากนี้ ฝ่ายทหาร ตำรวจ และปกครอง ได้หารือร่วมกันสืบสวนขยายผลต่อ เพื่อหาว่ามีใครร่วมในขบวนการนี้อีกหรือไม่ และมีเหยื่อที่ถูกหลอกลวงเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อรวบรวมหลักฐานเอาผิดต่อไป แต่ในชั้นนี้ ผู้ต้องหายังไม่มีการซัดทอดใครเพิ่ม ทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่เคยได้รับความเสียหายจากผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เข้าแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

พล.ต.ต.พยูห์ กล่าวต่อว่า ทุกขั้นตอนเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างโปร่งใส รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่มีเจ้าหน้ารัฐคนใด เข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนที่มีการระบุว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องในขบวนการในการช่วยไกล่เกลี่ยนั้น ยังไม่พบ หากมีผู้เสียหายคงถูกบังคับให้เป็นผิด และชดใช้ แต่ก็ไม่พบกรณีดังกล่าวตั้งแต่ต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนรายละเอียดต่างๆ โดยยืนข้างผู้เสียหายมาตลอด จนสามารถแจ้งข้อหา และรวบรวมส่งศาลฝากขังได้ในวันนี้ และคดีต่างๆ ทั้งฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ ยาเสพติด ตำรวจพยายามดำเนินคดีทุกคดี แต่เมื่อส่งขึ้นศาลแล้วก็จะหมดหน้าที่ของตำรวจ

ด้าน พล.ต.ชัยเดช สุรวดี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 35 กล่าวว่า คดีนี้เป็นความเดือดร้อน เสียหายของประชาชน ทหารจึงเข้าร่วมดำเนินการ ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบก ในทำหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมเคลื่อนที่ มาร่วมขจัดความเดือดร้อนของประชาชนให้สำเร็จเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นางธนิตา จันทร์อิ่ม มีคดียักยอกทรัพย์ 4 คดี ฉ้อโกง 4 คดีปลอมแปลงเอกสาร 1 คดี และ ยาเสพติด 1 คดี ซึ้งทั้งหมดยังอยู่ในระหว่างประกันตัวอยู่ ก่อนหน้านี้นางธนิตา ได้ฉ้อโกงญาติพี่น้องซึ่งค้ำประกันรถยนต์ จำนวน 4 คัน ที่ได้ออกมาพร้อมๆกัน ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และ จังหวัดพิษณุโลก แต่นางธนิตา ไม่เคยส่งค่างวดเลย ทำให้ผู้ค้ำประกันถูกยึดบ้านพร้อมที่ดินขายทอดตลาดเพื่อชดใช้หนี้ ขอบคุณภากจาก : Khaosod

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: