“อาม-ประจักษ์ชัย” จับมือจบศึก “ไหทองคำ” กอดกันโชว์ พร้อมเซ็นยกเลิกสัญญา ตกลงข้อสรุปลิขสิทธิ์เพลง “ผู้สาวขาเลาะ”!(คลิป)





กลายเป็นประเด็นร้อนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน สำหรับกรณีสัญญาระหว่างนักร้องนักแต่งเพลงสาว อาม ชุติมา และค่ายไหทองคำ ที่มี ประจักษ์ชัย ไหทองคำ เป็นผู้บริหาร โดยอามได้อ้างว่าสัญญาดังกล่าวไม่เป็นธรรม รวมไปถึงเรื่องการแบ่งเปอร์เซ็นต์รายได้ จนนำไปสู่เหตุการณ์บานปลาย และจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น แต่สุดท้ายเหตุการณ์จบลงด้วยดี

ล่าสุดเมื่อช่วงสายวันที่ 5 พ.ย. 2561 ทั้ง อาม ชุติมา, ประจักษ์ชัย ไหทองคำ พร้อมด้วยทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์, นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์, ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ ได้แถลงร่วมกันในรายการโหนกระแส ณ อาคารมาลีนนท์ สถานีไทยทีวีสีช่อง 3 ถ.พระราม 4 ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
โดยทนายสงกานต์เผยว่า จากกรณีความขัดแย้งระหว่าง อาม ชุติมา และประจักษ์ชัย จนกลายเป็นเหตุการณ์บานปลายนั้น จริงๆ แล้วอามบอกว่า ตนฟ้องไม่ได้เนื่องจากรักอาจารย์ และหวังว่าสักวันอาจารย์จะเมตตา แต่หลังจากนั้นที่เกิดเหตุการณ์ที่ไปร้องเพลงที่ จ.สระแก้ว และถูกเชิญไปโรงพัก และมีการทำบันทึกต่างๆ จนเป็นเหตุการณ์บานปลาย

แต่ก็โชคดีตนและนายอัจฉริยะมาช่วยประสานงานต่างๆ และมีโอกาสพูดคุยกันว่าจะทำยังไงให้ทั้งคู่เข้าใจกัน รวมไปถึงเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องสัญญาด้วย ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการหารือร่วมกันจนกระทั่งได้ข้อยุติด้วยความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย สัญญาที่มีขึ้นก็ได้มีการปรับแก้และมีการยกเลิกสัญญา โชคดีที่ทางคุณประจักษ์ชัยเมตตาน้องอาม จึงยุติลงได้ด้วยดี

ซึ่งนายอัจฉริยะเผยว่า หลังจากได้ประสานงานกับประจักษ์ชัยผ่านทางทนายบุญถาวร จึงได้ทำคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย โดยมีข้อตกลงดังต่อไปนี้

1. ทั้งสองฝ่ายตกลงยกเลิกสัญญาจ้าง ลงวันที่ 13 พ.ค. 2559 โดยทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันว่าเมื่อยกเลิกสัญญาต่อกันแล้ว ผลประโยชน์และค่าตอบแทนต่างๆ ในการร้องเพลง หรืองานเกี่ยวกับการแสดงของอาม ชุติมา ให้ถือเป็นของอาม ชุติมา แต่เพียงฝ่ายเดียว

2. เมื่อยกเลิกสัญญาต่อกันแล้ว การแสดงคอนเสิร์ตของอาม ชุติมา จะต้องไม่เอาสัญลักษณ์ หรือนำลิขสิทธิ์ในความเป็นตัวตนค่ายไหทองคำไปใช้ในการแสดงหรือหาผลประโยชน์

3. อาม ชุติมา ให้การยอมรับว่าประจักษ์ชัย เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงผู้สาวขาเลาะ, อดีตเคยพัง, ภาพเก่า ตามสัญญาลิขสิทธิ์วันที่ 20 ม.ค. 2560 โดยถูกต้องและสมบูรณ์ด้วยกฎหมาย และอามจะไม่ใช้สิทธิ์โต้แย้งลิขสิทธิ์ทั้ง 3 เพลง โดยมีกำหนดระยะเวลา 9 ปี นับตั้งแต่วันเซ็นสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไป โดยปกติสัญญาลิขสิทธิ์ถ้าไม่ได้กำหนดระยะเวลา จะถือว่ามีระยะเวลา 10 ปี เนื่องจากประจักษ์ชัยใช้ไปแล้ว 1 ปี จึงเหลือสัญญา 9 ปี

4. ประจักษ์ชัยยินยอมให้อาม ร้องเพลงทั้ง 3 เพลงเองได้ โดยได้รับค่าตอบแทนจากผู้อื่น ยกเว้นอามจะไปออกเทปใหม่ไม่ได้ ต้องได้รับความยินยอมจากประจักษ์ชัยก่อน

5. ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า เมื่อครบสัญญาตามกำหนดตามข้อ 3 คือ 9 ปี สิ้นสุดลง ทั้ง 3 เพลงลิขสิทธิ์ตกเป็นของอาม ชุติมา แต่เพียงผู้เดียว

6. หากประจักษ์ชัยจะจำหน่ายหรือโอนสิทธิ์เพลงตามสัญญาให้บุคคลภายนอก ให้ถือสัญญาฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ด้วย และให้อามรับรู้

7. คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย จะไม่ติดใจดำเนินคดีข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ที่มีการยื่นฟ้องทั้งศาลแพ่งและศาลอาญา จะต้องถอนฟ้องทั้งหมดภายใน 7 วันนับจากวันทำสัญญาฉบับนี้ และไม่ติดใจที่จะใช้สิทธิเรียกร้องใดๆ ต่อกัน ในกรณีที่คู่สัญญาไม่ฝ่าฝืนทำผิดตามสัญญาฉบับนี้

8. ทั้งสองฝ่ายตกลงจะไม่มีการให้บริวาร จะทำการใดๆ ก่อให้เกิดการเสื่อมเสียงทางเกียรติยศและชื่อเสียงซึ่งกันและกัน

9. ทั้งสองฝ่าย หากมีการละเมิดสัญญานี้ ไม่ว่ากรณีใด อันไม่อาจเจรจาได้ คู่สัญญานำข้อพิพาทมอบหมายให้ทนายสงกรานต์ และทนายบุญถาวรร่วมกันวินิจฉัยข้อพิพาทเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะบอกว่า อามยังมีคิวงานที่ต้องไปช่วยประจักษ์ชัย 5 คิว คือเป็นเรื่องของการทำธุรกิจ ประจักษ์ชัยต้องจ่ายค่าจ้างตามเรทของอาม เหมือนทำธุรกิจร่วมกัน แต่เนื่องจากทั้งคู่เป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ ตรงนี้ให้อามตัดสินใจ มันไม่ได้เป็นสัญญา แต่เป็นสัญญาทางใจ เป็นการตอบแทนบุญคุณ

ด้าน อาม ชุติมา เผยเหตุผลที่ยังไม่ฟ้องประจักษ์ชัยเพราะว่ายังรอโอกาสจากอาจารย์ ยังเคารพอาจารย์อยู่ ถามว่ามีอะไรค้างคาใจมั้ย ในตอนนี้ไม่มีอะไรติดใจแล้ว ตอนนี้พึงพอใจแล้วในตรงนี้คือเรื่องอิสรภาพ ส่วนอนาคตจะกลับไปอยู่ค่ายไหทองคำหรือไม่ ตนขอให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า พร้อมทั้งขอบคุณผู้ใหญ่ ขอบคุณอาจารย์ ขอบคุณตำรวจ ขอบคุณทนายที่ให้การช่วยเหลือจนเรื่องจบลงด้วยดี

ส่วนประจักษ์ชัยเผยถึงเรื่องนี้ว่าที่ผ่านมามีความรู้สึกไม่สบายใจทั้งทางค่ายและน้องอามด้วย ที่จริงไม่เคยปิดกั้นบรรยากาศในการพูดคุย เรารอน้อง เราไม่มีเจตนาที่จะฟ้องและให้เป็นประเด็นถึงขนาดนี้ แต่ด้วยความที่เกมมันไหลมา ทุกคนต้องปกป้องสิทธิข้อกฎหมายในเชิงการต่อสู้ทางคดี และขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ

ที่ตัดสินใจแบบนี้เหตุผลจริงๆ คือกลับมาทบทวนความโมโหความโกรธ พอเข้าวัดบ่อยๆ ก็ได้สติ ถ้าอาฆาตมาดร้ายก็วุ่นวายเปล่าๆ ส่วนเรื่องที่จะถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลังทั้งตนเองและลำไย ไหทองคำ ตนไม่ได้กังวล เพราะทั้งตนและลำไยเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีปัญหาอะไร บริษัทตั้งมาเกือบ 2 ปี เสียมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ถามว่าก่อนหน้าที่จะจดทะเบียนบริษัทจ่ายภาษีแบบไหน ตนก็จ่ายภาษีแบบบุคคลธรรมดาแบบหัก ณ ที่จ่าย เพราะค่ายอินดี้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่มีใครจดทะเบียนก่อนบริษัทดัง

ในส่วนเรื่องการแบ่งเปอร์เซ็นต์ที่เคยมีปัญหา ซึ่งอามได้ 70 เปอร์เซ็นต์ และประจักษ์ชัยได้ 30 เปอร์เซ็นต์นั้น ตรงนี้ได้เคลียร์หรือไม่ ประจักษ์ชัยเผยว่า ที่จริงก่อนมาถึงจุดนี้ มันเป็นการต่อสู้ การสร้างโปรไฟล์ คืออามเริ่มมีกระแสเมื่อปีที่แล้วและต้นปีที่แยกออกมาจากลำไย เริ่มมีแบรนด์ของตัวเอง แต่ก่อนราคาเรียกไม่ได้

การสร้างสัญญา 4-5 ปี เขาไม่รู้หรอกว่าจะดังเพลงไหน ฉะนั้นก่อนมาถึงวันนี้ก็ต้องพาไปขึ้นเวทีด้วยกันเพื่อสร้างโปรไฟล์ ไม่มีใครถูกผิด แต่พอมีมูลค่าเพิ่มค่อยไปตั้ง 70-30 แต่ตอนตนลงทุน น้องไม่ได้ควักเงิน 70-30 ด้วย ตนมาเพื่อลงทุน น้องมีความสามารถร้องเพลงได้ เขียนเพลงได้ ก็ลงทุนเท่าที่ลงทุนได้ จริงๆ แล้วไม่มีประเด็น หลังจากนี้น้องจะได้สบายใจ น้องจะได้เห็นราคาแท้จริงว่ามีค่าใช้จ่ายจริงๆ อะไรบ้าง

ส่วนเรื่องรายได้จากยูทูบ ในการเซ็นสัญญาตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่ามันจะมีรายได้จากตรงนี้ ในช่องสัญญาที่ซื้อขายเพลงก็ไม่ได้มีว่ารายได้จากตรงนั้นตรงนี้จากยูทูบอะไร คือโอนสิทธิ์ คือโอนสิทธิ์เขาไม่ได้ระบุ ฉะนั้นเป็นสิทธิ์ของค่ายเพลงทุกค่าย เขาไม่ได้ให้ผู้แต่งเพลง ส่วนในอนาคตถามว่าอยากรับอามกลับมาอยู่ในสังกัดมั้ย ตนอยากรับ ยังคิดถึง ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำ

ซึ่งหลังจากการแถลงข่าวเสร็จสิ้นก็ได้มีการลงลายมือชื่อในสัญญาข้อตกลง อามได้เข้ามากราบและกอดประจักษ์ชัยด้วย.

ชมคลิป

ขอบคุณภาพจาก : Thairath

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: