ตำรวจฝากขัง รุ่นพี่ซ้อมรุ่นน้องม้ามแตก เปิดปากรับสารภาพ ‘สั่งสอนตามระบบโซตัส’





 

เค้นสอบรุ่นพี่ซ้อมน้องจนม้ามแตก ยอมรับสารภาพ ทำไปเพราะต้องการสั่งสอนเรื่องการปกครองน้องปี 1 ตามระบบโซตัส ไม่ใช่รับน้องตามประเพณี ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนสาหัส พร้อมคุมฝากขังศาล

หลังรุ่นพี่ 3 คน ซึ่งเป็นนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เข้ามอบตัวที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในคดีก่อเหตุซ้อมนายปวริศ หรือ เปา รังสิต นักศึกษารุ่นน้องในคณะเดียวกันจนม้ามแตก ต้องตัดม้ามทิ้งและรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้ (21 ก.ค. 61) เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ศาสตรา อ่อนรัศมี ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ได้เปิดแถลงรายละเอียดในคดีนี้ว่า ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเช้านี้พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหา ทั้ง 3 คนไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งจะอยู่ในดุลพินิจของศาลว่า จะให้ประกันตัวหรือไม่

โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การรับสารภาพว่า ทำร้ายร่างกายน้อง เพราะต้องการสั่งสอนในเรื่องที่ปกครองน้องปี 1 ไม่ดี ตามระบบโซตัส ไม่ใช่เป็นการรับน้องตามประเพณี และได้ก่อเหตุนอกรั้วมหาวิทยาลัย ยืนยันว่า ก่อนก่อเหตุไม่ได้ดื่มสุรา เครื่องดื่มมึนเมา และไม่มียาเสพติด โดยได้ก่อเหตุเพียง 3 คนเท่านั้น ทั้งนี้ ตำรวจจะทำการขยายผลต่อไปว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้เคยก่อเหตุอื่นๆ มาก่อนหรือไม่หลังจากนี้ต้องรอผู้เสียหายมีอาการดีขึ้น ทางตำรวจจะสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีต่อไป

“ฝากถึงนักศึกษา หากจะมีการรับน้อง ไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวหรือทำร้ายร่างกายกัน เพราะสุขภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน” ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ กล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์ DEK-D อธิบายว่า “โซตัส” เป็นรูปแบบการรับน้องที่เข้มข้น เด่นชัดคือการว๊าก การลงโทษผู้กระทำผิดที่ค่อนข้างจะรุนแรงต่อสภาพร่างกายและจิตใจ รุ่นพี่ผู้ผูกขาดอำนาจในการสั่งโทษ มีการถือระบบอาวุโสเป็นหลัก

 

 

ส่วนอาการของนายปวริศ ล่าสุด ขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมชาย โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ไม่ได้มีคำสั่งงดเยี่ยม และออกจากห้องฉุกเฉินแล้ว

ทางด้าน นายสุกิจ นิตินัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชมงคลกรุงเทพ ยอมรับว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนักศึกษากลุ่มนี้ 2 จาก 3 คน เคยทำร่างกายนักศึกษาปี 1 แต่ไม่ถึงขั้นหูฉีก โดยทางมหาวิทยาลับกำลังสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทั้งสองเหตุการณ์ไม่เกี่ยวข้องกัน

คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.ประสบสุข เชียงเชาว์ไว แม่ของนายปวริศได้เข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่า ลูกชายถูกรุ่นพี่ชั้นปีที่ 3 คณะเดียวกันสั่งทำโทษในลักษณะการธำรงวินัยแบบทหาร และทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อย จนม้ามแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัด และนอนพักรักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่บ่ายวันที่ 19 ก.ค.

คดีทำร้ายร่างกาย อัตราโทษ

มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 296 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ถ้าความผิด นั้น มีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 289 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี

สำหรับอันตรายสาหัสนั้น คือ

  1. ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท
  2. เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์
  3. เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด
  4. หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
  5. แท้งลูก
  6. จิตพิการอย่างติดตัว
  7. ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต
  8. ทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ยี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน

ข่าวจาก : workpointnews

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: