เปิดใจ’อดีตซีล’พ่อพิธีกรดัง ออกมาลุยถ้ำหลวงในวัยเกษียณ ปิดลับ แม้แต่ญาติก็ไม่บอก!(คลิป)





 

จากกรณีนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่า อะคาเดมี่ จำนวน 12 คน และโค้ชอีก 1 คน สูญหายภายในถ้ำหลวง เขตวนอุทยานถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย. 61 โดยนักดำน้ำได้มีการพบตัวผู้สูญหายในคืนวันที่ 2 ก.ค. 61 โดยทุกคนปลอดภัยรอความช่วยเหลืออยู่บริเวณเนินนมสาว เลยจุดพัทยาบีชไปประมาณ 400 เมตรนั้น

(4 ก.ค. 61) นาวาโท ไชยนันท์ พีระณรงค์ อายุ 60 ปี อดีตมนุษย์กบหน่วยซีล ซึ่งเป็นบิดาของนุ่น-ณัชชานันท์ พีระณรงค์ พิธีกรและดีเจชื่อดัง ซึ่งได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานครั้งนี้ เพิ่งเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ เมื่อคืนนี้ (3 ก.ค. 61) โดย นาวาโท ไชยนันท์ เผยว่า ปัจจุบันตนเกษียณอายุราชการแล้ว ซึ่งตนเกษียณก่อนกำหนดมาได้ประมาณ 2 ปี ปัจจุบันทำสวนอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

น.ท.ไชยนันท์ กล่าวต่อว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นตนก็ได้ติดตามข่าวอยู่ตลอดเวลา โดยจะมีการแจ้งข่าวสารในกลุ่มไลน์ของหน่วยซีล ซึ่งตนก็มีความคิดที่จะเข้าไปช่วยอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย. 61 น้องที่เป็นมนุษย์กบโทรศัพท์เข้ามาหาบอกว่าอยากให้ตนเข้ามาช่วยเป็นกำลังใจและช่วยในการวางแผน ตนเองไม่ลังเลที่จะตอบตกลงและออกเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ในคืนวันนั้นเลยโดยที่ไม่ได้บอกใคร และคิดเสมอว่าหากไม่เจอตัวผู้สูญหายจะไม่กลับภูมิลำเนา

 


น.ท.ไชยนันท์ พีระณรงค์

 

จากนั้นในวันรุ่งขึ้น ตนก็เริ่มลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ซึ่งเมื่อตนเข้าไปเห็นสถานการณ์จริงก็ทำให้ทราบเหตุผลว่าทำไมการดำเนินงานถึงต้องใช้เวลา เนื่องจากภายในถ้ำมีกระแสน้ำแรงและมีโขดหินที่ค่อนข้างอันตราย ทำให้มนุษย์กบทุกคนต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ยอมรับว่ากดดันที่ต้องแบกรับความคาดหวังของคนในสังคม แต่เมื่อได้เข้าไปปฏิบัติงานก็ต้องทำทุกอย่างอย่างมีสติ และทำให้ทุกนาทีมีคุณค่าที่สุด การทำงานก็มีการแบ่งหน้าที่การทำงานกันเป็นส่วนไป โดยมีการทำงานอย่างระมัดระวังให้มีความปลอดภัย

น.ท.ไชยนันท์ เผยอีกว่า ในวันที่มีการพบเจอผู้สูญหาย ตนปฏิบัติงานอยู่ที่โถงสาม ซึ่งตนคาดไว้แล้วว่าหากไปถึงบริเวณดังกล่าวต้องพบผู้สูญหายอย่างแน่นอน หรือหากไม่พบก็น่าจะเป็นคำตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากเป็นจุดที่อยู่สูงที่สุดซึ่งตนมั่นใจว่าผู้สูญหายจะต้องอยู่ในบริเวณนี้ โดยเมื่อทีมนักดำน้ำจากประเทศอังกฤษกลับออกมาที่โถงสามแล้วแจ้งว่าพบตัวผู้สูญหายทั้ง 13 คนแล้ว ในเวลาประมาณ 21.00 น. ทุกคนในโถงสามต่างก็ดีใจกระโดดโลดเต้นกัน ตนก็ดีใจแต่ไม่ได้กระโดดโลดเต้นด้วย เนื่องจากตนรู้สึกมั่นใจมาโดยตลอดว่าเด็กต้องรอด หลังจากนั้นก็มีการสั่งการให้ชุดแพทย์เตรียมตัวเข้าไปยังบริเวณที่เด็กอยู่ทันที

ทั้งนี้ ตนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนไทยได้บทเรียนและได้เห็นถึงความสามัคคีของคนในสังคม ซึ่งตนมองว่าปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้มีแต่หน่วยซีล แต่มันสำเร็จลงได้ด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกคน ซึ่งตนมองว่าทุกคนควรได้รับคำชื่นชมเช่นเดียวกัน

 


น.ท.ไชยนันท์ นำสายสิญจน์ที่ได้รับจากครูบาบุญชุ่ม มอบให้ลูกสาว

 

ด้าน น.ส.ณัชชานันท์ พีระณรงค์ หรือ นุ่น พิธีกรและดีเจชื่อดัง อายุ 28 ปี ลูกสาวของ น.ท.ไชยนันท์ เปิดเผยว่า พ่อของตนเดินทางไปที่จังหวัดเชียงรายก็ไม่ได้บอกใคร ตนจึงไม่ทราบเรื่อง โดยเพิ่งมาทราบว่าพ่อไปตอนที่พ่อเดินทางไปถึงแล้ว เมื่อตนทราบว่าพ่อได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการ ก็อยากที่จะโทรศัพท์หาเพื่อสอบถามว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง โดยตนมีโอกาสได้คุยโทรศัพท์กับพ่อน้อยมาก และในระหว่างคุยโทรศัพท์กัน พ่อของตนก็จะมีการพูดสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานอยู่ตลอด ตนจึงไม่ได้ถามอะไรเป็นพิเศษเพราะทราบว่าพ่อกำลังปฏิบัติงาน จึงอยากให้ท่านเต็มที่กับงาน โดยตนก็รอฟังข่าวพร้อมๆ กับคนอื่น แม้กระทั่งในขณะที่มีการพบตัวผู้สูญหาย ตนก็ทราบจากข่าวก่อนที่พ่อจะโทรศัพท์มาบอกในภายหลังว่าพบเด็กแล้ว

เมื่อถามว่าเป็นห่วงคุณพ่อบ้างหรือไม่ น.ส.ณัชชานันท์ ตอบว่า อันที่จริงก็ห่วง แต่ห่วงเด็กมากกว่า เพราะตนมั่นใจในตัวพ่อ มั่นใจในทีมและเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีประสบการณ์สูง ความเป็นห่วงของตนจึงมุ่งไปที่เด็กมากกว่า โดยวินาทีที่ตนทราบว่าพบตัวผู้สูญหายทั้ง 13 คนแล้ว ความรู้สึกของตนก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่คนทั้งประเทศรู้สึก ส่วนหนึ่งตนก็รู้สึกภูมิใจที่พ่อของตนได้เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติงาน แต่ความดีใจนั้นก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการที่โค้ชและเด็กทั้ง 13 คนปลอดภัย

สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ ตนรู้สึกภูมิใจในตัวพ่อที่ได้นำสิ่งที่มีไปสนับสนุนทีมที่รับหน้าที่ในบริเวณนั้น ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้มีแค่ทีมของพ่อ แต่ทุกทีมที่อยู่ตรงนั้นต่างก็มีส่วนช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น การให้กำลังใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ตนก็อยากให้อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นว่าทีมงานทุกคนรวมถึงตัวผู้สูญหายจะต้องปลอดภัย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าความหวังมีพลัง และสามารถทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ก็ทำให้คนในสังคมได้เรียนรู้ โดยเฉพาะในเรื่องของข้อมูลข่าวสารที่บางอย่างก็มีความคลาดเคลื่อนหรือกระทบกับความรู้สึกคน ซึ่งสำหรับตนก็ได้เรียนรู้ที่จะระมัดระวังในแชร์ข่าวหรือส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ

โดยในวันนี้ น.ท.ไชยนันท์ได้นำสายสิญจน์สีแดงที่ได้รับจากครูบาบุญชุ่มมาให้กับลูกสาวด้วย ทั้งยังบอกว่าให้เก็บเอาไว้ ซึ่ง น.ท.ไชยนันท์ เล่าว่า สายสิญจน์ดังกล่าวผู้ใหญ่ได้นำมาแจกให้กับทีมในขณะที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ภายในบริเวณถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน

ขอบคุณข้อมูลจาก : amarintv

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: