อีกทีมผู้เสียสละ! ฟังเสียงชาวนาที่ยอมปล่อยข้าวจมน้ำ หวังเพียงทีมหมูป่ารอดชีวิต(คลิป)





 

น้ำที่สูบและระบายออกมาจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเข้าไปช่วย 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำ ทำให้น้ำท่วมไร่นาของชาวบ้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย แต่นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขายินดีสละแลกกับการได้ชีวิตของเด็ก ๆ กลับคืนมา

ผ่านไป 4 วันแล้วที่นาข้าว 15 ไร่ของ สะใบทิพย์ กุนัน ที่ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถูกน้ำท่วมหลังจากมีการสูบน้ำจากหนองน้ำพุ และแหล่งน้ำใกล้เคียงถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่ ๆ ทีมนักฟุตบอลเยาวชน 12 คน และโค้ช ได้สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน

แม้ว่าพื้นที่ทำนาบริเวณดังกล่าวจะมีน้ำท่วมทุกปี แต่เป็นเดือนสิงหาคมไม่ใช่มิถุนายน ช่วงเวลาที่ข้าวในนายังไม่พร้อมให้เก็บเกี่ยว ที่ผืนนาของสะใบทิพย์ ก็เช่นกัน

"น้ำมันก็เริ่มท่วมขึ้นมาทีละหน่อย [ตั้งแต่ 4 วันที่ผ่านมา] แต่ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน" สะใบทิพย์กล่าวกับบีบีซีไทยเป็นภาษาเหนือ "คนที่หว่านข้าวและปลูกไว้แล้วก็น่าจะได้รับผลกระทบอยู่ แต่ก็ยังเต็มใจที่จะช่วยเหลือเด็ก"

สะใบทิพย์เป็นหนึ่งในชาวบ้าน 16 ครัวเรือน จาก ต.โป่งผา และ ต.โป่งงาม ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมไร่นาข้าว รวมทั้งหมดประมาณ 225 ไร่ อันเป็นผลมาจากการสูบน้ำออกจากหนองน้ำพุ และแหล่งน้ำใกล้ถ้ำหลวง ให้ลดลง โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน้ำในถ้ำจะมีทางผ่านลอดออกมา และเมื่อสูบให้ปริมาณน้ำในหนองน้ำพุลดลง น้ำในถ้ำอาจลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ทีมกู้ภัยและหน่วยซีลสามารถเข้าไปช่วยเหลือเด็กในถ้ำได้

ที่ผ่านมา อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งคือการที่น้ำในถ้ำมีระดับสูงจนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปได้ ที่ผ่านมาได้มีการใช้หลายวิธีในการทำให้ระดับน้ำในถ้ำลดลง ไม่ว่าจะเป็นการสูบน้ำออกจากถ้ำโดยตรง ใช้เครื่องเจาะน้ำบาดาลเพื่อดึงน้ำที่อยู่ใต้ถ้ำออกมา หรือใช้เครื่องสูบซิ่งและรถแม็คโครเพื่อขุดตักดินเพื่อระบายน้ำให้เร็วขึ้น

สะใบทิพย์กล่าวว่า หลังจากนี้ข้าวของเธอคงตาย ทำให้ต้องเตรียมการหว่านข้าวเพื่อปลูกใหม่ เธอต้องเสียค่าจ้างดำนา 1,200 บาทต่อไร่ และไถพรวน 1,000 บาทต่อไร่ แต่ยังโชคดีที่พื้นที่นี้ทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง และจะเก็บเกี่ยวในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมครั้งหนึ่ง และอีกครั้งในช่วงสิ้นปี

"ภาวนาอยากให้เจอไว ๆ เพราะว่าทุกคนทุกแรงใจเป็นห่วงเป็นใย ช่วยเอากำลังใจไปส่งให้เด็กข้างใน อยากจะให้เจอเร็ว ๆ เพราะว่าผลกระทบที่เป็นอยู่คงจะไม่นาน ไม่กี่วันก็จะสามารถฟื้นได้ แต่ชีวิตเด็กยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ก็เอาใจช่วย" หญิงวัย 43 ปี กล่าว

ในวันนี้ เสฏฐวุฒิ ปัญญาคำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านหนองอ้อ ต.โป่งผา ได้ประกาศเสียงตามสาย ขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือกับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากการสูบน้ำจากหนองน้ำพุ ทำให้ไร่นาอาจได้รับความเสียหาย หลังจากที่ประชาสัมพันธ์ไปครั้งแรกเมื่อคืนวันที่ 24 มิถุนายน

"ต้องขออภัยด้วยเพราะชีวิต 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด" เขากล่าวผ่านไมโครโฟนจากหน้าบ้านของเขา

ผู้ใหญ่บ้านกล่าวกับบีบีซีไทยว่า แม้ว่าชาวบ้านทุกคนจะเห็นตรงกันว่าพวกเขาจะต้องได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากหนองน้ำพุแน่นอน แต่ก็เห็นว่าชีวิตคนสำคัญที่สุด

เช่นเดียวกันกับน้ำที่ท่วมนาข้าว 12 ไร่ของ บัวลอย ใจป้อ ชาวบ้านบ้านหนองอ้อ ต.โป่งผา ที่ทำให้เธอไม่ได้เกี่ยวข้าวที่เหลืองอร่ามเต็มทุ่งนา และคงจะต้องปลูกใหม่ แต่เธอก็ยอมรับสภาพดังกล่าว เพื่อหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือชีวิตทั้ง 13 คนที่ยังติดอยู่ในถ้ำ

"อยากให้เด็กรอดชีวิต ผลเสียเราก็รอได้" หญิงวัย 56 ปี กล่าว "ภาวนาทุกวัน ร้องไห้ทุกวัน ให้รอดออกมา"

 

ข้อมูลจาก : BBC THAI

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: