นศ.ราชภัฏเลย85คน รวมตัวแจ้งความ ถูกลอยแพ ไม่ได้รับใบวิชาชีพครู!!





 

นักศึกษาราชภัฏเลย ไม่ได้รับใบประกอบวิชาชีพครู รวมตัวแจ้งความ หลังถูกลอยแพ 85 คน ผู้ปกครองโวย เสียค่าเทอมเป็นแสน จี้ ใครจะรับผิดชอบ ด้านสถานศึกษา อ้าง อธิการบดีไปราชการต่างประเทศรอให้กลับมาก่อน 

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 มิถุนายน 2561 ที่อาคารเรียนรวมมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ศูนย์ขอนแก่น ได้มีนักศึกษา สาขาวิชาภาษาอังกฤษ, สาขาวิชาภาษาไทยและสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา 23 คน เดินทางเข้าพบอธิการบดี ที่ห้องประชุมภายในอาคารดังกล่าว เพื่อขอคำชี้แจงกรณีที่เกิดปัญหาที่ไม่ได้รับใบประกอบวิชาชีพครู เสียสิทธิ์ในการได้รับการบรรจุรวมไปถึงการทำงานในสาขาวิชาชีพที่เรียนมา แต่รับแจ้งจากอาจารย์ประจำศูนย์ว่า อธิการบดีไม่อยู่ ไปราชการต่างประเทศ คงอยู่เพียงรองอธิการบดี และนิติกร กลุ่มนักศึกษาได้พยายามสอบถามปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบได้ บอกเพียงว่า รออธิการบดีมาเท่านั้น

จากนั้น กลุ่มนักศึกษาทั้งหมดจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุทัศน์ ไพบูลย์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.ย่อยเมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดย ส.อ.ศุภณัฐ จันทร์ทา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.10 ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เป็นตัวแทนนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ, สาขาวิชาภาษาไทยและสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ศูนย์ขอนแก่น จำนวน 85 คน เข้าแจ้งความ พร้อมให้ปากคำว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จังหวัดขอนแก่น ได้เปิดรับนักศึกษาเข้ามาศึกษาในสาขาวิชาต่างๆ รวมถึงสาขาวิชาชีพครู สาขาภาษาไทย สาขาภาษาอังกฤษ สาขาคอมพิวเตอร์มีนักศึกษาหลายรุ่นในสาขาวิชาชีพครูที่จบไปและได้รับใบประกอบวิชาชีพครู แต่รุ่น 55 และ 56 มีปัญหาเรื่องหลักสูตร การเรียนการสอนที่ สกอ. ตรวจสอบแล้วไม่ผ่านการประเมินของหลักสูตร ทำให้นักศึกษารุ่น 55 ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของรุ่น 56 ได้มีการฟ้องร้องและเรียกค่าชดเชยในเรื่องที่ไม่ได้รับใบประกอบวิชาชีพตรงตามระยะเวลาที่เหมาะสม มหาวิทยาลัยจึงให้นักศึกษารุ่น 55 ฝึกสอนในสถานศึกษาอีก 1 ปี เพื่อเก็บเวลาและเพื่อขอใบประกอบวิชาชีพครูในปี 61 ตามระเบียบของทางคุรุสภา

ปัญหาของนักศึกษารุ่น 55 ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของนักศึกษารุ่นปี 56 ทำให้นักศึกษารุ่น 56 ซึ่งเป็นรุ่นน้องมีผลกระทบเช่นเดียวกับรุ่นพี่ แต่เมื่อมหาวิทยาลัยรับทราบปัญหาของรุ่น 55 มหาวิทยาลัยได้ลงมาแก้ไขให้ด้วยการขอใบประกอบวิชาชีพครูให้ แต่รุ่น 56 ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ดำเนินการใดๆ โดยอ้างว่าไม่มีงบประมาณในการที่จะดำเนินการใดๆให้

ส.อ.ศุภณัฐ ให้การอีกว่า รุ่นที่ตนกับเพื่อนๆ ทั้ง 85 คนเรียนคือรุ่น 56 มีปัญหาใน 3 สาขา คือสาขาวิชาภาษาอังกฤษ, สาขาวิชาภาษาไทย และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา ที่ไม่ได้รับใบประกอบวิชาชีพครูทั้ง 85 คน และในจำนวนนี้มี 7 คน ที่สอบบรรจุครูคืนถิ่นได้ แต่เข้ารับราชการไม่ได้ เพราะไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูทำให้เสียโอกาส กลุ่มนักศึกษาที่ประสบปัญหาได้พากันรวมตัวติดตามการแก้ไขปัญหาของทางมหาวิทยาลัยมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า จะได้รับใบประกอบวิชาชีพครูหรือไม่ เมื่อไม่มีคำตอบจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเห็นว่าการกระทำของมหาวิทยาลัย ทำให้ได้รับความเสียหาย คือ 1. เสียสิทธิ์ในการสมัครสอบ เนื่องจากไม่ได้รับใบประกอบวิชาชีพครู 2. นักศึกษาที่สอบคัดเลือกครูคืนถิ่นได้ แต่ไม่ได้รับการบรรจุ เพราะไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู 3. เสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนตลอดหลักสูตร

พ.ต.ท.สุทัศน์ ไพบูลย์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.ย่อยเมืองเก่า ทราบรายละเอียดได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และจะได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ พร้อมทั้งจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการต่อไป โดยทางพนักงานสอบสวน ได้ให้นักศึกษารวม 23 คน ลงชื่อในการร่วมกันเข้าแจ้งความครั้งนี้ โดยทุกคนต่างยืนยันตรงกันว่า ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งใบประกอบวิชาชีพครูและให้ทางมหาวิทยาลัยเยียวยาค่าใช้จ่ายในการเรียน 5 ปี ให้กับทั้ง 85 คนด้วย พนักงานสอบสวนจึงให้นักศึกษาทุกคน รวบรวมหลักฐานการเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏเลยศูนย์ขอนแก่น รวมทั้งใบเสร็จการจ่ายค่าเทอม และเอกสารสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องการเรียนทั้ง 5 ปีที่ผ่านมาให้พนักงานสอบสวนในเร็วๆ นี้

ส.อ.ศุภณัฐ ยังได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกว่า หลังเกิดปัญหาขึ้นมหาวิทยาลัยได้ให้ย้ายรายชื่อนักศึกษาจากศูนย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ศูนย์ขอนแก่น ไปที่ศูนย์ใหญ่ที่ ที่จังหวัดเลย แต่เมื่อมหาวิทยาลัยไปแจ้งยังคุรุสภาและสกอ. คุรุสภาและสกอ. บอกว่า ผิดระเบียบย้ายไม่ได้ มหาวิทยาลัยจึงได้ใช้ระเบียบของสภามหาวิทยาลัยในการเทียบโอนรายวิชาเพื่อย้ายนักศึกษาศูนย์การศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเลยศูนย์ขอนแก่นกลับไปที่ จ.เลยอีกครั้ง โดยการใช้ระเบียบของสภามหาวิทยาลัย คือ การเทียบโอนหน่วยกิตทั้งหมด เปรียบเสมือนกับการย้ายมหาวิทยาลัยหนึ่งไปยังอีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง เมื่อเทียบโอนหน่วยกิตเสร็จ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเลยศูนย์ขอนแก่น ได้ย้ายไปที่มหาวิทยาลัย ที่ จ.เลย ก็จะมีรหัสนักศึกษาใหม่ และประวัติใหม่ ให้กับนักศึกษารุ่น 56 ทุกคนก็เข้าใจว่า คงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว เพราะมหาวิทยาลัยได้ย้ายนักศึกษากลับศูนย์ที่ตั้งเรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อทางมหาวิทยาลัยราชภัฏที่จังหวัดเลย ซึ่งเป็นศูนย์ใหญ่ ได้ทำเรื่องขอใบประกอบวิชาชีพครูจากคุรุสภา ในปี 2561 ทางคุรุสภาได้คัดรายชื่อนักศึกษารุ่น 56 ที่ย้ายกลับไปที่เดิม และทำหนังสือแจ้งมหาวิทยาลัยให้มหาวิทยาลัยไปชี้แจงเรื่องการเทียบโอนรายวิชาและเทียบโอนหน่วยกิต เมื่อมหาวิทยาลัย ทราบข่าว ได้มาชี้แจงให้นักศึกษารุ่น 56 ได้ทราบเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นกับรุ่น 56 ทุกสาขา เกิดเฉพาะ 3 สาขา จากศูนย์ขอนแก่น จำนวน 85 คนเท่านั้น ซึ่งทางมหาวิทยาลัยไม่มีการแก้ไขปัญหาให้

ขณะที่นายชรินทร์ จันทร์ทา อายุ 45 ปี บิดาของ ส.อ.ศุภณัฐ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยทำเช่นนี้เหมือนการหลอกลวง รู้ทั้งรู้ว่าหลักสูตรที่ศูนย์ขอนแก่นไม่ผ่าน ยังรับนักศึกษาเข้ามาศึกษา เก็บค่าเทอม ลูกชายเรียนครูมา 5 ปี ค่าใช้จ่ายหลายแสน จบออกมายังไม่ได้รับใบรับรองประกอบวิชาชีพครู เท่ากับว่าเสียเงินฟรี อยากฝากถึงนายกรัฐมนตรี ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับนักศึกษาที่กำลังประสบปัญหาทั้ง 85 คนด้วย และอยากทราบว่า นอกจากนี้ลูกหลานใครที่เรียนมาครูมาด้วยการกู้ กยศ. เขาจบมาไม่มีงานทำ เขาจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้คืนกองทุน และใครจะเยียวยาลูกหลานของพวกเราเหล่านี้

ทางด้าน น.ส.ขนิษฐา จันทร์เทา อายุ 23 ปี จบเอกคอมพิวเตอร์ศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ศูนย์ขอนแก่น รุ่น 56 กล่าวว่า เลือกเรียนที่ศูนย์ขอนแก่นเพราะใกล้บ้าน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ไม่มาก คิดว่า เรียนม.ใกล้บ้านเป็นการช่วยครอบครัวประหยัด เพราะพ่อแม่ต้องรับจ้าง หาเงินส่งเรียน เสียค่าเทอม เทอมละ 9,000 บาท ปีละ 18,000 บาท รวม 5 ปี ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่เมื่อจบออกมาแล้ว ไม่ได้เป็นครูอย่างที่ตั้งใจ เพราะไม่ได้ใบรับรองประกอบวิชาชีพครู ก็อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาให้ความช่วยเหลือตนและเพื่อนๆ ด้วย

ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: