หนุ่มส่งแก๊สงง เจอใบสั่งขนวัตถุอันตราย–ตร.โต้ทำผิดจนชิน แจงชัดทำไมถึงจับ(มีคลิป)





 

หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสภาพใบสั่งเจ้าหน้าที่พนักงานจราจร แจ้งข้อหาบรรทุกสิ่งของอาจก่อให้เกิดอันตราย และเขียนค่าปรับ 500 บาท ซึ่งเจ้าของโพสต์ได้เขียนข้อความแสดงความไม่พอใจ โดยตั้งคำถามว่า “เดี๋ยวนี้เจ้าหน้าที่ ตร. หากินแบบนี้หรอ รถน้องขนแก๊สมีเหล็กล็อกถัง 2 ใบ ข้อหาขนวัตถุอันตราย ถ้าอันตรายแล้วจะจับทำไม ไม่กลัวระเบิดหรอ ไม่บอกนะ สน.อะไร ยานนาวาอีกแล้วครับเจ้านาย”

 

 

ล่าสุด (10 พ.ค.61) นายหาญ (นามสมมติ) เจ้าของโพสต์ เปิดเผยว่า ภาพใบสั่งที่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก เป็นใบสั่งของเด็กขับรถมอเตอร์ไซค์ส่งแก๊ส ซึ่งมาส่งที่ร้านอาหารของตนเป็นประจำ

 

 

โดยวันที่เกิดเหตุ น้องคนดังกล่าวมาถามตนว่า “พี่เคยโดนแบบนี้ไหม” ตนเลยขอดูใบสั่งของน้อง ในใบสั่งระบุข้อหาว่าบรรทุกสิ่งของอันตราย ตนสงสัยจึงโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก เพราะไม่ทราบมาก่อนว่ามีข้อหานี้ เผื่อจะมีคนที่ทราบกฎหมายดังกล่าวเข้ามาชี้แจง

ด้านนายมา (นามสมมติ) คนโดนใบสั่ง ได้สาธิตการบรรทุกแก๊สขึ้นรถจักรยานยนต์ในวันเกิดเหตุ พร้อมเล่าว่า วันที่ 8 พ.ค. เวลาประมาณ 10.15 น. บริเวณแยกไฟแดงใต้สะพานสาทร ตนขี่รถจักรยานยนต์บรรทุกแก๊สหุงต้มขนาด 7 กิโลกรัม 1 ถัง และขนาด 15 กิโลกรัมอีก 1 ถัง โดยใส่ในโครงเหล็กสำหรับใส่ถังแก๊สได้ 2 ถัง และรัดสายยึดถังแก๊สเข้ากับตัวโครงเหล็ก

นายหาญ ยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากร้านแก๊สดังกล่าว ก็ยังมีอีก 3-4 ร้านแก้ส ในย่านนี้ ที่โดนข้อหาเดียวกัน นอกจากนี้ ใบสั่งของน้องที่เอามาให้ตนดูก็ยังระบุว่า บังคับล้อ และมีค่าปรับ 500 บาท ซึ่งตนก็สงสัยในเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน ตนคิดว่าการส่งแก๊สในลักษณะดังกล่าวไม่อันตรายเพราะเป็นเรื่องปกติ โดยตนเคยหิ้วถังแก๊สหุงต้มมาเปลี่ยนที่ร้านด้วยตนเองเป็นประจำ

ระหว่างทางตนโดนเจ้าหน้าที่ ตร.จราจร เรียกบริเวณแยกไฟแดงใต้สะพานสาทร เจ้าหน้าที่บอกว่า ตนทำผิดกฎหมาย ข้อหาบรรทุกวัตถุอันตราย และกีดขวางทางจราจร จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้เขียนใบสั่งและยึดใบขับขี่ หลังจากได้รับใบสั่งตนก็ขี่รถต่อ เพื่อไปส่งแก๊สที่ปลายทาง จากนั้นจึงเดินทางกลับมาที่ร้าน เมื่อมาถึงร้านก็ได้เล่าเรื่องราวให้เฮีย ที่เป็นเจ้าของร้านฟัง จากนั้นจึงขี่รถจักรยานยนต์ออกไปส่งแก๊สที่ร้านอาหารของ นายหาญ (นามสมมติ) เจ้าของโพสต์และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายมายอมรับว่า ตนก็อยากทราบว่าการกระทำดังกล่าวผิดตรงไหน เพราะตัวเองไม่เคยรู้มาก่อน

ขณะที่เจ้าของร้านแก๊สดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ตนเปิดร้านมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ตั้งแต่เปิดทำการไม่เคยเจอใบสั่งด้วยข้อหาบรรทุกสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตราย โดยแก๊สหุงต้มที่ร้านมีอยู่ 4 ขนาด ได้แก่ ขนาด 4, 7, 15 และ 48 กก. ซึ่งตนมีรถที่ใช้สำหรับส่งแก๊ส เป็นรถจักรยานยนต์ 4 คัน รถซาเล้ง 1 คัน และรถกระบะ 1 คัน ซึ่งรถจักรยานยนต์จะใช้สำหรับขนส่งแก๊สขนาด 4, 7, และ 15 กก. เท่านั้น ส่วนขนาด 48 กก. จะขนส่งผ่านรถซาเล้ง และรถกระบะ  ทั้งนี้ รถซาเล้งที่ร้านเคยโดนใบสั่งรถไม่ได้จดทะเบียน แต่ตนจำเป็นต้องนำมาใช้ขนส่งแก๊ส เพราะหากปลายทางเป็นซอยแคบ ตนก็ไม่สามารถนำรถกระบะเข้าไปได้ ซึ่งถ้าหากมีใบอนุญาตให้ใช้รถซาเล้ง ตนก็อยากนำไปจดทะเบียนและเสียภาษีอย่างถูกต้อง เพราะสะดวกแก่การขนส่ง

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังร้านแก๊สในละแวกเดียวกัน พบนายมี (นามสมมติ)  คนส่งแก๊สของร้าน เปิดเผยว่า ตนได้รับใบสั่งในข้อหาเดียวกันกับนายมา โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนขี่รถจักรยานยนต์บรรทุกแก๊สจะไปส่งที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขณะติดไฟแดงอยู่ก็โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียก และเขียนใบสั่งในข้อหาบรรทุกสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตราย พร้อมทั้งยึดใบขับขี่ ตนจึงไปเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 400 บาท โดยยืนยันว่า ตั้งแต่ส่งแก๊สมา 2 ปีไม่เคยเจอข้อหานี้

ด้านพ.ต.ท.สรรัชฎก์ ศรีปุณยาภิคุปต์ สารวัตรจราจรประจำ สน.ยานนาวา หัวหน้างานของเจ้าหน้าที่ ตร. ที่เขียนใบสั่งในข้อหาดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ตาม พ.ร.บ.การจราจร มาตรา 18 ระบุไว้ว่า รถที่ใช้บรรทุกคน สัตว์ หรือสิ่งของ จะใช้บรรทุกในลักษณะใด โดยรถชนิดใด หรือประเภทใด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกระทรวง ซึ่งเมื่อดูจากกฎกระทรวงที่ขยายความกฎหมายในมาตรานี้ ระบุไว้ว่า รถจักรยานยนต์สามารถบรรทุกสิ่งของโดยมีความยาวด้านหน้ายื่นไม่เกินตัวถัง ความยาวด้านหลังยื่นออกมาไม่เกิน 50 ซม. และกว้างไม่เกินตัวรถ น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 50 กก.

พ.ต.ท.สรรัชฎก์ กล่าวว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้น ตนได้สอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ออกใบสั่งแล้ว โดยได้รับข้อมูลมาว่า รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวบรรทุกก๊าซหุงต้มมา 2 ถัง เป็นถังขนาด 15 กก. ทั้ง 2 ถัง ซึ่งน้ำหนักถังเปล่าอยู่ที่ถังละ 16.4 กก. เมื่อรวมน้ำหนักก๊าซอีก 15 กก. ก็จะมีน้ำหนัก 31.4 รวมน้ำหนัก 2 ถังเท่ากับ 62.8 กก. ซึ่งเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่จึงได้เขียนใบสั่งตามกฎหมายในข้อหาบรรทุกสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตราย โดยหมายถึงลักษณะของการบรรทุกที่มีน้ำหนักของสิ่งของเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

พ.ต.ท.สรรัชฎก์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้บ้านเมืองทำสิ่งที่ไม่ถูก ใช้เป็นถูกจนเคยชิน ทำให้อาจเกิดอันตราย โดยได้ยกตัวอย่างถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2558 ที่เคยมีข่าวถังแก๊สระเบิด เพราะตกหล่นจากรถจักรยานยนต์ ทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ร้านค้าสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินมาแล้ว ซึ่งทุกวันนี้ตำรวจเข้มงวดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ข่าวจาก : อัมรินทร์ทีวี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: