แม่ค้าร่ำไห้ แจงดราม่าขายทุเรียนไม่เน่า แค่สุกพร้อมกิน–ลูกค้าโต้เหม็นเขียว ขอคืนเงินจบศึก(มีคลิป)





 

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “Parery Austin-n” ได้โพสต์เรื่องราวขณะไปซื้อทุเรียนกับแม่ค้าที่ จ.สุรินทร์ และเกิดการโต้เถียงกันขึ้น เนื่องจากเจ้าตัวระบุว่า ทุเรียนที่ซื้อไปเน่า แต่แม่ค้าได้โต้เถียงว่า ทุเรียนไม่เน่าแต่เป็นทุเรียนสุก โดยแม่ค้าปฎิเสธที่จะรับทุเรียนคืน

 

 

18 เม.ย.61 นางเที่ยง สีมลี แม่ค้าขายทุเรียน กล่าวว่า หลังจากที่มีกระแสเรื่องทุเรียนเน่าออกไป ตนได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งด้านจิตใจและความน่าเชื่อถือจากลูกค้า ทำให้ไม่มีใครกล้ามาซื้อ ทั้งที่ตนได้ชี้แจงกับลูกค้าว่า ลูกที่จะเอาเนื้อมันเละให้เอาหมอนทองดีกว่า และตนก็จะเลือกให้แต่ลูกค้าไม่ยอม จะเอาทุเรียนลูกดังกล่าวให้ได้ เพราะเงินไม่พอ

ซึ่งตนก็เป็นแม่ค้า ถ้าลูกค้ายืนยันว่าจะเอาตนก็ต้องขาย และตนยังบอกไว้ก่อนแล้วว่าถ้าซื้อไปแล้วไม่รับคืน ซึ่งลูกค้าก็ยืนยันว่าจะซื้อไป ต่อมาลูกค้าได้เอาทุเรียนมาคืน ซึ่งตนก็ไม่รับคืนเพราะได้บอกไปแล้ว

และตนทราบว่าลูกค้าได้ไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก และได้มีคนได้เข้ามาแสดงความเห็นในลักษณะต่อว่าตนจำนวนมากซึ่งทำให้ตนได้รับความเสียหาย และจะฟ้องร้องให้ถึงที่สุด

และฝากไปถึงคนไทยทุกคนที่ได้ติดตามเรื่องนี้ว่า ตนอยากให้ไปคิดดูว่าตนผิดหรือไม่ ให้เอาหัวใจแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำ ปากกัดตีนถีบ ว่าตอนนี้ตนโดนผลกระทบอย่างรุนแรงแค่ไหน ไม่ใช่คิดแต่จะโพสต์ให้คนอื่นเสียหาย แต่ขอให้พิสูจน์และคุยกันก่อนว่า ของเขาเสียหายจริงหรือไม่ รับผิดชอบต่อลูกค้าหรือไม่ ค่อยเอาไปโจมตี ซึ่งการทำอย่างนี้เหมือนฆ่ากันทั้งเป็น นางเที่ยง ยังบอกด้วยเสียงสั่นเครือ เหมือนจะร้องให้ว่า ตนเสียใจมากอยากให้คนไทยเก็บไปคิดดู พร้อมบอกอีกว่า คนที่ไปโพสต์แบบนั้นตอนนี้เขาจะรับผิดชอบยังไง

 

 

ด้าน น.ส.เจนจิรา พงษ์สุวรรณ หรือ “น้องแพร” ผู้โพสต์เฟซบุ๊ก ได้วิดีโอคอลให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย.61 เวลาประมาณ 15.00 น. ตนได้ไปซื้อทุเรียนจากแม่ค้าในเมือง จ.สุรินทร์ โดยตนเองบอกแม่ค้าว่าขอซื้อทุเรียน กรอบนอกนุ่มใน เพราะตนเองชอบกินทุเรียนแบบนี้ ซึ่งแม่ค้าได้หยิบทุเรียนหมอนทอง มา 1 ลูก ขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 560 บาท ซึ่งตนมีเงินไม่พอ จึงขอซื้อขนาดเล็กลง แม่ค้าจึงหยิบทุเรียนอีกลูกมาให้ ในราคา 490 บาท พร้อมกับผ่าทุเรียนใส่ถุงยื่นมาให้ โดยที่ไม่ได้ให้ตนเองดูเนื้อทุเรียนก่อนเหมือนร้านอื่น

 

 

เมื่อตนกลับมาถึงบ้านพบว่า ทุเรียนที่ซื้อมามีลักษณะเหมือนทุเรียนเน่า เนื่องจากเนื้อทุเรียนมีสีออกเขียวๆ และมีกลิ่นเหม็น ไม่เหมือนกลิ่นทุเรียนทั่วไป ตนจึงเอาทุเรียนไปคืนที่ร้านแต่ทางร้านไม่รับคืน จึงไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่ สภ.เมืองสุรินทร์

น้องแพร ยืนยันว่า บอกแม่ค้าไปแล้วว่า ตนชอบกินทุเรียนแบบกรอบนอกนุ่มใน แต่แม่ค้าก็ยังขายทุเรียนไม่ตรงกับที่ตนต้องการ หากแม่ค้าจะฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาทตนก็ไม่กลัว เนื่องจากเรื่องที่โพสต์เฟซบุ๊กเป็นเรื่องจริง และทุเรียนที่ซื้อมาตนก็ยังไม่ได้กิน เพียงแค่ชิมไปนิดเดียวก็รู้สึกว่ามีรสชาติขม ไม่เหมือนทุเรียนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ตนเพียงขอเงินคืนเท่านั้นก็จบเรื่อง และจะไม่ติดใจเอาความแม่ค้าแต่อย่างใด

 

 

ทั้งนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ รุดตรวจร้านค้าขายทุเรียนที่ตั้งขายอยู่บริเวณทางเข้าห้างบิ๊กซีสุรินทร์ โดยมีนางเที่ยง สิมลี อายุ 53 ปี แม่ค้าขายทุเรียน ได้ออกมาชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงกรณีดังกล่าวว่า โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานผู้บริโภค ได้มีการสอบถามรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นและลงบันทึกข้อความ ก่อนที่จะให้ นางเที่ยง แม่ค้าทุเรียน ลงลายมือชื่อในบันทึกข้อความไว้เป็นหลักฐาน

โดยเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัด ได้นำลูกตุ้มมาตรวจสอบตาชั่งว่าน้ำหนักได้มาตรฐานหรือไม่ ประกฎว่าตาชั่งมีน้ำหนักได้มาตรฐาน แต่ป้ายระบุชนิดสินค้าไม่ชัดเจนโดยระบุว่า “ทุเรียนหมอนทองหวานมันรับประกันเนื้อ” แต่ที่ขายและลูกค้าได้ไปเป็นทุเรียนพันธุ์ชะนี ซึ่งผู้ที่เคยทานระบุว่า เนื้อทุเรียนถ้าสุกมากจะมีลักษณะเหมือนกับที่ผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊กได้ซื้อไป ซึ่งไม่ใช่ทุเรียนเน่า

ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความ พูดถึงกรณีดังกล่าวว่า การขายทุเรียนเน่า หรือทุเรียนอ่อน แม่ค้ามีสิทธิ์ติดคุก เนื่องจากทุเรียนนั้น เป็นผลไม้ที่ราคานั้นค่อนข้างสูง จนมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายคิดไม่ซื่อ ยึดถือเอากำไรเยอะจนความโลภบังตา แอบยัดไส้ทุเรียนเน่า ทุเรียนอ่อน ขายให้ลูกค้า

อย่างไรก็ตามหากแม่ค้าขายทุเรียนเน่า หรือทุเรียนอ่อน เมื่อลูกค้านำมาเปลี่ยน หรือไม่ยอมรับซื้อคืน ตามกฎหมาย แม่ค้ามีความผิดติดคุกได้ ลูกค้าสามารถไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที โดยแม่ค้าจะมีความผิดตาม พรบ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47 ผู้ใดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น อันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ผู้ใดขายโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพคุณภาพ หรือปริมาณแห่งของอันเป็นเท็จนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะเดียวกัน ทนายรณณรงค์ มองว่า ตนเองได้ดูคลิปดังกล่าวแล้ว ความเห็นส่วนตัว คิดว่า ทุเรียนไม่เน่า แต่เป็นทุเรียนที่สุกงอม เนื่องจากตนเองเป็นคนที่ชอบกินทุเรียน และชอบกินทุเรียนสุก เนื่องจากรสชาติจะหวานกว่าทุเรียนห่าม คาดว่าทุเรียนที่ลูกค้า จ.สุรินทร์ ซื้อไปนั้นกินได้ แต่อาจไม่ถูกปาก และไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้า

ส่วนเรื่องไม่รับคืนนั้น หากทุเรียนไม่เน่าแม่ค้าก็ไม่มีความผิด และสามารถแจ้งความเอาผิดกับลูกค้าได้เช่นกัน ในข้อหาหมิ่นประมาท ดังนั้นตนอยากฝากเตือนว่า ให้แม่ค้าขายอย่างตรงมาตรงไป ให้ซื้อใจลูกค้า ด้วยคุณภาพและราคาดีที่สุด จะได้ไม่เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง

ทั้งนี้ ทนายรณณรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาตนเองได้ซื้อทุเรียนมาจากแม่ค้าที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในราคาลูกละ 800 บาท เมื่อมาถึงบ้านพบว่าทุเรียนที่ซื้อมาเป็นทุเรียนห่าม ไม่ตรงตามความต้องการด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้ติดใจเอาความเพราะซื้อร้านข้างทาง ตนเองจำร้านไม่ได้

 

ข่าวจาก : อัมรินทร์ทีวี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: