กู้ภัยไหว้ขอโทษ เหตุเปิดศึกตีกันในรพ. ยืนยันไร้เงาประธาน อปพร.ช่วยห้าม(มีคลิป)





 

กรณีเกิดเหตุเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร. กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ทะเลาะวิวาทภายในโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล เขตสายไหม ก่อนที่จะยิงปืน ทำให้ น.ส.สาวิตรี ตรีวิเศษ อายุ 21 ปี แฟนสาวของเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับบาดเจ็บบริเวณไหล่ขวา

 

 

รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น. ได้เชิญ นายธนโชติ อิ่นคำ อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู, นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ และ นายสมาน ด้วงเพ็งรักษ์ สายไหม ประธานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เขตสายไหม ร่วมพูดคุยในรายการ

 

 

โดยธนโชติ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุทีมกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งอุบัติเหตุ บริเวณหน้า รร.ไทยรัฐวิทยา จากนั้นตนและเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ไปถึงที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 22.00 น. พบว่าเจ้าหน้าที่ อพปร. เข้ามาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ซึ่งเบื้องต้นต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายตนที่ให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เนื่องจากขณะนั้นตนเดินทางไปถึงตัวผู้บาดเจ็บก่อน คนเจ็บอยู่ในลักษณะขาผิดรูป ตนและทีมงานพยายามจะนำผู้บาดเจ็บ ขึ้นมานอนบนบอร์ดที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายร่างผู้บาดเจ็บ เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่ อพปร. เขตสายไหมไม่ยอมให้ตนช่วยเหลือ ด้วยการใช้เท้าเหยียบที่บอร์ด และนำรถเก๋งมาจอดขวางทาง เพื่อจะรอรถของอพปร. มาถึง สุดท้ายจึงยอมให้ อปพร. นำส่งคนเจ็บไป นอกจากนี้ ตนยืนยันว่าขณะที่ตนเองกำลังให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่นั้น ฝ่ายอปพร.ยืนดูและโวยวาย ไม่มีการช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้ผู้บาดเจ็บต้องนอนรอรับความช่วยเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุนานกว่า 20 นาที

หลังจากอพปร. นำส่งผู้บาดเจ็บถึงโรงพยาบาลแล้ว ได้มีคนของฝ่ายตนไปล้อมรถไว้เพื่อจะขอบอร์ดคืน และเคลียร์เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจาก อพปร. มีการด่าทอฝ่ายตนก่อน โดยขณะนั้นตนยอมรับว่าโมโหมาก จึงมีการตะโกนต่อว่ากันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีการระดมกลุ่มเพื่อนมารุมทำร้ายอีกฝ่าย แต่ภาพเหตุการณ์ที่มีคนเยอะอาจจะทำให้ดูชุลมุน

นายธนโชติ เล่าต่อว่า หลังเกิดเหตุ น.ส.สาวิตรี แฟนสาวของตน ถูกลูกหลงจากกระสุนปืน ที่ยิงเข้ามาจากทางด้านหน้าโรงพยาบาล ยืนยันว่า จะไม่มีการยอมความในกรณีที่แฟนตนได้รับบาดเจ็บ โดยจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 

 

ส่วนสาเหตุของการทะเลาะวิวาทนั้น คุณธนโชติ เผยว่า มีคนชื่อ นายเอ็กซ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของทาง อพปร. เขตสายไหม ได้มีการพูดจาท้าทายฝ่ายตนก่อนว่า “ใครเก๋าจริง มาหากูนี่” ก่อนที่ตนและคนจากมูลนิธิฯ จะวิ่งไล่ล่าตัว นายเอ็กซ์ แล้วเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นภายในโรงพยาบาล โดยเหตุที่ทำไป เพราะว่าตนระงับอารมณ์ไม่ได้ ส่วนเพื่อนๆ ของนายเอ็กซ์ ก็หนีไปแอบด้านหลัง

ด้านนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ส่วนตัวตนคิดว่าเป็นเรื่องของการชิงช่วยเหลือคนได้รับบาดเจ็บกัน เนื่องจากแต่ละฝ่ายอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งมองว่าทั้งสองฝ่ายทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่ทำเพื่อคนได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ ตนมองอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างฝ่ายก็ต่างแก้ตัวให้กับตัวเอง ซึ่งนายธนโชติ แย้งว่า “ตนไม่ได้แย่งคนเจ็บ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน ตนมองว่า อพปร. ทำผิดระเบียบ และไม่ให้เกียรติฝ่ายตน”

นอกจากนี้ กรณีที่ทางมูลนิธิร่วมกตัญญูไปดำเนินการแจ้งความฝ่าย อพปร. เขตสายไหม ฐานทำร้ายร่างกายนั้น ทนายเกิดผล ระบุว่า ในทางกฎหมาย ถ้าทั้งสองฝ่ายสมัครใจทะเลาะวิวาทกัน ก็เอาผิดกันไม่ได้ และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่การถูกทำร้ายร่างกายแล้วอีกฝ่ายป้องกันตัว แต่เป็นการท้าทายกัน และอีกฝ่ายก็ยินดีจะทะเลาะวิวาท

ส่วนการที่ทั้งสองฝ่าย เข้าไปก่อเหตุเป็นการรบกวนสถานพยาบาล ก็ถือว่าผิด เพราะเข้าข่ายร่วมกันบุกรุกในยามวิกาล หากทำให้เกิดความเสียหายของทรัพย์สิน อาจเข้าข่ายผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และอาจจะมีความผิดในทางแพ่ง หากคนไข้ในโรงพยาบาลได้รับผลกระทบ โดยทั้งสองฝ่าย จะต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งนายธนโชติ ระบุว่า หากเกิดกรณีนี้ขึ้น ตนคงต้องไปปรึกษากับหัวหน้างานก่อน

อย่างไรก็ตาม จากการก่อเหตุทะเลาะวิวาทภายในพื้นที่โรงพยาบาลนั้น ทนายเกิดผล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุ สามารถแจ้งข้อหาทั้งสองฝ่ายได้ทันที โดยแจ้งข้อหาความผิด ฐานขัดขืนการจับกุมของเจ้าพนักงาน

 

 

ขณะที่นายสมาน ด้วงเพ็งรักษ์ ประธานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เขตสายไหม ได้ร่วมพูดคุยในรายการผ่านโทรศัพท์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ อปพร. ไม่ได้แย่งการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เนื่องจากในขณะนั้น ทั้งสองฝ่ายเดินทางถึงที่เกิดเหตุพร้อมกัน ส่วนที่ทางเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูอ้างว่าฝ่าย อปพร. ขัดขวางการช่วยเหลือโดยการเหยียบบอร์ดนั้น ตนยังไม่ทราบเรื่อง

ส่วนกรณีที่มีการยิงปืนเข้าไปในโรงพยาบาล ตอนนั้นตนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล จึงไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง  แต่ยืนยันว่า ตนไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุและผู้ก่อเหตุก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ อปพร. อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ เรื่องที่มีการอ้างว่า นายเอ็กซ์ พูดจาท้าทายฝ่ายร่วมกตัญญูก่อนนั้น ตนสอบถามเจ้าตัวแล้ว ทราบว่าขณะนั้น นายเอ็กซ์ พูดเพียงว่า “กลับบ้านให้หมด” ไม่ได้มีการท้าทายแต่อย่างใด ซึ่งขณะที่ชุลมุนกันอยู่นั้น ตนเองก็ได้วิ่งเข้าห้ามทั้งสองฝ่าย และก็โดนชนกระเด็นออกมาด้วยเหมือนกัน

คุณสมาน กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนได้มีการพูดคุยกับทางหัวหน้าของเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญูแล้ว และตกลงกันว่าหลังจากนี้ ให้ยุติเรื่องการทะเลาะวิวาทและไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างพักรายการ ทนายเกิดผลได้ตั้งข้อสังเกตว่า คนที่เอาปืนมาก่อเหตุยิงนั้น มีคนโทรเรียกให้มาหรือว่าอยู่ในเหตุการณ์ เพราะถ้าหากมีคนโทรเรียกให้มาที่เกิดเหตุพร้อมกับอาวุธปืน คนก่อเหตุก็จะมีความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง ซึ่งมีอัตราโทษสูง

นอกจากนี้ นายธนโชติ เปิดเผยภายหลังให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิด ว่า ตนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู มานานกว่า 2 ปี มีหลายครั้งที่ต้องทำงานร่วมกับ อปพร.เขตสายไหม แต่ตนไม่เคยเห็นหน้านายสมาน มาก่อนเลย ส่วนในวันเกิดเหตุ ขณะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บบนถนนวัชรพล ตนก็ไม่เห็นนายสมานเช่นกัน อีกทั้ง กรณีนายสมานระบุในรายการว่า ขณะเกิดเหตุ นายสมานยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่พวกตนเข้าไปทะเลาะวิวาทกับนายเอ็กซ์ อปพร.เขตสายไหม เมื่อชุลมุนนายสมานได้เข้าไปห้าม นายธนาโชติได้ชี้แจงว่า ตนไม่เห็นว่านายสมานเข้ามาห้ามหรืออยู่ในรพ. ตามที่เขาบอกในรายการ แต่ก็เป็นไปได้ว่า ตนอาจจะไม่ได้สังเกต เพราะยอมรับว่า หลังจากขับรถตามมาที่ รพ. ตนก็ตรงดิ่งไปหารถของอปพร.ทันที จนไม่ทันสังเกตคนรอบข้า

 

 

ทั้งนี้ นายธนโชติยกมือไหว้ พร้อมกล่าวขอโทษรพ. สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า หลังจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะตนกับอปพร. ยังต้องทำงานร่วมกันอีก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

ด้าน น.ส.สาวิตรี ตรีวิเศษ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนไปที่โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัลพร้อมนายธนโชติ โดยทราบว่าแฟน มีเรื่องกับกลุ่ม อปพร. จึงไม่ได้เข้าไปด้านในโรงพยาบาล จึงยืนรออยู่ด้านนอก เมื่อเคลียร์กันจบ แฟนได้เลื่อนรถออกไปจอดด้านหน้าทางเข้า จากนั้นแฟนของตนกำลังจะเดินไปคุยกับนายเอ็กซ์ คู่กรณีอีกรอบ ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น พร้อมแสงวาบเข้าหน้าตน โดยตนรู้สึกจุกที่แขนด้านขวา เมื่อจับดูจึงรู้ว่าตัวเองถูกยิง

 

 

ตนเห็นว่า คนที่ยิงตนคือเพื่อนของนายเอ็กซ์ ลักษณะผอม สูง ใส่เสื้อสีดำ โดยยืนห่างจากตนประมาณ 50 เมตร
เมื่อตนเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชฯ ก็พบนายเอ็กซ์ซึ่งมีบาดแผลที่ศีรษะเข้ามารักษาตัวเช่นเดียวกัน โดยเมื่ออีกฝ่ายเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตกใจ ก่อนหายตัวไป สำหรับตนได้รับบาดเจ็บที่แขนด้านขวา และโดนสะเก็ดกระสุนปืน ที่แก้มด้านซ้าย แพทย์ได้เย็บเปิดปากแผลที่ไหล่ไว้ ให้เลือดได้ระบาย โดยไม่ได้ผ่ากระสุนออก เพราะต้องรอประเมินอาการ

น.ส.สาวิตรีกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเอง เพราะส่วนตัวก็เป็นอาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยร่วมกตัญญูเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากนี้อาจไม่กล้าออกมาทำงานในลักษณะนี้อีก

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: