ตร.รวบเพิ่มหัวหน้าพนักงานลำเลียงกระเป๋า ท่าอากาศยานภูเก็ต เจอของกลางมือถือนักท่องเที่ยวที่แจ้งหายไว้ ด้าน ผอ.สนามบิน สั่งบริษัทส่งชื่อคนที่ถูกไล่ออกขึ้นแบล็กลิสต์-ติดตั้งวงจรปิดคลุมทุกจุด…
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ม.ค. ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต อ.ถลาง เจ้าหน้าที่สายตรวจสนามบินภูเก็ตร่วมกับ สภ.สาคู-ทหารและเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ตได้ร่วมกันตรวจยึดสมาร์ทโฟนแบบโมบายล์คอมพิวเตอร์ ยี่ห้อบลูเบิร์ด รุ่น EF 500 สีดำ จากนายยุสรี อิแอ อายุ 31 ปี ชาว ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา หัวหน้าพนักงานลำเลียงกระเป๋าบริษัทเอกชน โดยโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว เป็นหนึ่งในจำนวนโทรศัพท์มือถือที่เป็นทรัพย์สินของผู้เสียหายชาวต่างชาติที่ได้แจ้งหายไว้ก่อนหน้านี้
นายยุสรี ระบุว่า ได้ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวมาจากนายมาโนช ไม่ทราบนามสกุลในราคา 1,500 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดและนำของกลางดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สาคู เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ตกล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค.60 มีเหตุลักทรัพย์สินผู้โดยสาร หลังจากได้รับเรื่องท่าอากาศยานภูเก็ตร่วมกับทหารเรือ ทหารบก สภ.สาคูและตำรวจท่องเที่ยวตรวจสอบและติดตามทรัพย์สินที่สูญหายไป จนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ และมีการขยายผลมาตลอด ซึ่งจะมุ่งเน้นตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระของนักท่องเที่ยว ระหว่างการขนย้ายจากอากาศยานเข้ามายังตัวอาคาร โดยมีการตรวจจับและเข้มงวดมากขึ้น ทำให้สถานการณ์คลี่คลายไป
หลังจากทิ้งช่วง 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.60 ได้มีการสุ่มตรวจและมีการหาข่าวภายในมาระยะหนึ่ง กระทั่งพบว่ามีพนักงานของบริษัทเอาต์ซอร์สแห่งหนึ่ง มีพฤติกรรมในการขโมยทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว จึงได้มีการเข้าไปตรวจสอบระหว่างการปฏิบัติงานในเขตลานจอดอากาศยาน และสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุขโมยทรัพย์สินของผู้โดยสารและส่งตัวให้ สภ.สาคูดำเนินคดีตามกฎหมายมาแล้วก่อนหน้า
“หลังจากที่มีการตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง และมีการกำหนดมาตรการต่างๆ ออกมาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการตรวจสอบในระหว่างที่มีการลำเลียงสัมภาระของผู้โดยสารมายังห้องคัดแยกกระเป๋า ทำให้กลุ่มผู้ที่จะกระทำผิดเปลี่ยนรูปแบบในการดำเนินการ โดยหันไปขโมยสิ่งของที่คลังสินค้าแทน ซึ่งพอมีข้อมูลอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน และได้มีการวางแผนเพื่อจับกุม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบกลุ่มพนักงานเอาต์ซอร์สก่อเหตุขโมยสินค้าที่กำลังจะส่งไปต่างประเทศ จึงได้มีการเข้าไปจับกุมไป 2 คน และขยายผลไปยังบ้านพัก พบผู้ก่อเหตุอีก 1 คน รวมเป็น 3 คน รวมทรัพย์สินที่ขโมยไป 72 รายการ โดยกรณีนี้ไม่ได้ขโมยมาจากกระเป๋าผู้โดยสาร แต่เป็นการลักขโมยในคลังสินค้า ก่อนจะมีการขยายผลและติดตามทรัพย์สินที่สูญหายเพิ่มเติม” ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าว
นายเพ็ชร กล่าวต่อว่า ในส่วนของมาตรการต่างๆ นั้นได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอดว่า กรณีที่สายการบินหรือบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากท่าอากาศยานภูเก็ตรับพนักงานเอาต์ซอร์สเข้ามาใหม่ ขอให้มีการตรวจสอบประวัติ หรือกรณีที่มีการยกเลิกหรือจับได้ว่าพนักงานคนใดที่ลาออกไป หรือถูกให้ออกขอให้ส่งรายชื่อให้กับการท่าอากาศยานภูเก็ตด้วย เพื่อจะได้มีแบล็กลิสต์ไว้ หรือเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้กระทำผิดกลับมาทำงานในท่าอากาศยานอีก ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าขณะนี้ในส่วนของการท่าภูเก็ตอยู่ระหว่างการปรับปรุง และมีโครงการในการติดตั้งกล้องซีซีทีวีให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่มุมอับหรือพื้นที่ปฏิบัติงาน โดยเร่งดำเนินการอยู่ ที่สำคัญ คือ บริเวณช่องทางต่างๆ จะมีการเข้มในการตรวจค้นตัวพนักงานที่จะเข้าไปปฏิบัติงาน รวมถึงบัตรประจำตัวผู้ปฏิบัติงาน เพราะจะดูผ่านๆ ไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันเทคนิคการปลอมแปลงเอกสารจะมีค่อนข้างมาก ตลอดจนยานพาหนะที่ผ่านช่องทางต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
นอกจากนี้ ยังมีการจัดสายตรวจเข้าไปสุ่มตรวจในลานจอดอากาศยานหรือพื้นที่ต่อเนื่อง และอีกประการคือ ขอความร่วมมือกับทางบริษัทสายการบินหรือบริษัทเอาต์ซอร์สต่างๆ ต้องช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย เพราะลำพังท่าอากาศยานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามากำกับดูแล คงทำได้ค่อนข้างลำบาก จึงต้องช่วยกัน และทราบว่าทางสายการบิน และบริษัทเอาต์ซอร์สเองพยายามมีการตรวจสอบ โดยมีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มเติม และในการปฏิบัติงานมีความเข้มงวดเพ่งเล็งพนักงานที่ต้องสงสัย ซึ่งถือว่าเป็นการให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.61 สนามบินภูเก็ตก็มีการจับกุมแก๊งขโมยของผู้โดยสาร ซึ่งเป็นพนักงานโหลดสัมภาระ 3 ราย (อ่านข่าวย้อนหลัง : รวบ 3 พนง.โหลดกระเป๋าคาสนามบินภูเก็ต ปล้นรวยเละนับ 100 ชิ้น )
ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ