โลกออนไลน์แชร์ข้อมูล การแก้ปัญหารถยนต์ที่ประสบเหตุน้ำท่วม จอดจมน้ำ โดยมีวิธีดังนี้
- 1.ถอดแบตเตอรี่ ออกหนึ่งข้าง บวก หรือ ลบ ก็ได้
- 2.เอามือถือ ถ่ายรูปรถทุกจุดที่น้ำเข้า
- 3.ถ่ายรูปตอนน้ำท่วมสูงสุดจะได้รู้ว่าถึงจุดไหนของรถ
- 4.พอน้ำลง พอน้ำลงโทรตามปะกันมาซ่อม
- 5.ประกันมาดูรถให้ใส่แบต ขอติดเครื่อง #ห้ามเด็ดขาด เพราะน้ำเข้าท่อไอดี ไปอยู่ที่หัวลูกสูบ พอติดเครื่อง น้ำก็จะอัดในห้องเครื่องทำให้ก้านสูบคดงอ พังในที่สุด ซ่อมใหม่ก็หลายๆหมื่นเลยทีเดียว
- 6.ให้ประกันลากเข้าศูนย์บริการ พร้อมทำหนังสือ ว่าจะรับผิดชอบ ทุกอย่างทำให้เหมือนเดิมแล้วเซ็น
- [ads]
- 7.เจ้าของรถคนไหนไม่มีประกัน ให้ทำตามช่าง ด้วยวิธีดังนี้
- 7.1 ถอดแบ็ต
- 7.2 เอาลมเป่า ตามปลั๊กไฟทุกจุด และถอดกล่อง ECU มาเป่า ,ใช้ลมเป่าเบาๆ หรือไดร์เป่าผมก็ได้ แล้วตากแดด 20 นาที กล่องจมน้ำไม่พัง #ถ้าลมเป่าแรงๆพังเลย กล่องพวกนี้เขามีน้ำยาเคลือบมาแล้ว จมน้ำเลยไม่เสีย แต่ใส่แบตเตอรี่ผิดเสียเลย เปลี่ยนใหม่ราคาหลักหมื่น
- 7.3 ถ่ายน้ำมันเครื่อง เกียร์ เฟืองท้าย ทิ้ง เติมใหม่
- 7.4 รถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิล ถอดหัวเทียนออก ติดเครื่อง 3 วินาที ทำแบบนี้ 3 ครั้ง ครั้งแรกน้ำพุ้งออกรูหัวเทียนมาก ทั้งนี้ห้ามลืมถอดหัวเทียน เพราะก้านสูบจะคด ต้องเสียเงินซื้อใหม่เป็นหมื่น
- 7.5 เครื่องดีเชลถอดหัวฉีด หรือหัวเผาก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วติดเครื่อง 4 วินาที ทำ 4 ครั้ง
- 7.6 ประกอบคืน ล้างถังน้ำมันเชือเพลง เติมใหม่ แล้วติดเครื่องได้เลย #เย้ๆดีใจ เครื่องติดแล้ว ทำตามที่บอก อย่าข้ามขั้นตอน แค่นี้ ก็ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น
- 7.7 เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว เข้าเกียร์ไม่ได้ วิ่งไม่ได้ เพราะผ้าครัชติดกับหวีครัช ไม่ต้องยกเกียร์ให้ลำบาก ทำง่ายๆ นาทีเดียวก็ ดีเยียม เข้าเกียร์ 2 ติดเครื่อง 8 วินาที ใช้ได้เลย ใช้ได้ 2,000 กิโลเมตร เปลี่ยนลูกปืนครัชใหม่ ราคาไม่ถึงพัน
- 8.ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ที่จมน้ำ
- 8.1 ให้ทำทุกอย่าง เหมือน 7.1 ถึง 7.6
- มอเตอร์ไซค์ดีอย่าง เนื่องจากแบตเตอรี่จมน้ำไม่เสีย เพราะใช้แบตเตอรี่แบบแห้ง
ขอบคุณเนื้อหาจาก:http://morning-news.bectero.com
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ