จาการรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศว่า ในชีวิตการทำงานของเขา อารอน รอลสตัน เลือกที่จะสินใจปฏิเสธการทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Intel แล้วเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวตามความฝันของตัวเองโดยเฉพาะการปีนป่ายเขาไปทั่ว ก่อนจะได้พบเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้รับรู้บทเรียนราคาแพงที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิต
อารอน รอลสตัน (Aron Ralston) เป็นหนุ่มไฮเปอร์หัวขบถที่ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านมุ่งหน้าไปปีนเขาด้วยความรู้สึกอยากจะผจญภัยอย่างเต็มเปี่ยม เขาเป็นเด็กที่เรียนดี และฉลาดจนแม้แต่บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ยังต้องการตัวเขา
เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มขึ้นที่นี่ และมันได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ปี 2003 ระหว่างที่กำลังปีนเขา “บลูจอห์น” (Blue John Canyon) ในยูท่าห์เพียงลำพัง เขาเกิดพลัดตกลงไปในร่องของภูเขา แถมมือข้างหนึ่งยังไปติดอยู่ในซอกหินอีกด้วย
มือของเขาติดอยู่กับซองหิน
(ภาพจากในภาพยนตร์)
“ตอนแรกๆ ที่ติดอยู่ที่นั่น ผมตะโกนร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดมหันต์ เพราะเสียงที่เปล่งออกไปนั้นถูกหุบเขาดูดกลืนไปจนหมด มันเปล่าประโยชน์” อารอนกล่าวต่อไปว่า “ผมเลยตัดสินใจเก็บเสียงไว้แล้วเก็บแรงทั้งหมดไว้หาทางออก น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า”อารอนพยายามมองหาทางที่จะหนีไปจากที่นี่พร้อมกับพยายามจะเอามือออกจากซอกหินอันนี้ด้วยทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่สามารถเอาแขนออกมาได้ แถมยังรู้สึกเจ็บมากขึ้นอีกด้วย (จากวันแรกจนถึงตอนนี้เขาติดอยู่ที่นี่มาแล้ว 5 วัน) แถมเขายังไม่มีเครื่องชีพอื่นๆ เหลืออยู่อีกแล้ว
(ภาพจากในภาพยนตร์)
นั่นทำให้เขาต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ได้ด้วยเหตุผลว่า เขาไม่อยากจะตายที่นี่ และอยากกลับไปหาครอบครัว
เขาจึงตัดสินใจได้ว่า “ต้องตัดแขนขวาตัวเองที่ติดอยู่กับซอกหินทิ้ง” แน่นอน…เขากลัวกับการต้องทนกับความเจ็บปวดที่ไม่เคยต้องเจอมาก่อนในชีวิต
(ภาพจากในภาพยนตร์)
แต่เพราะ ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ เลย นอกเสียจากมีดทู่ๆ อันหนึ่งเท่านั้น แต่เขาก็ต้องทำแม้ว่ามันจะต้องทำให้เขาเจ็บเจียนตายเพียงใด เขาจะต้องทนให้ได้
(ภาพจากในภาพยนตร์)
เขาค่อยๆ บรรจงกรีดมีดทู่ๆ นั้นลงบนแขนโดยที่ไม่มียาชา ไม่มีอะไร เป็นการผ่าสดๆ ที่เขาบอกว่า อยากจะร้องไห้ออกมา หลายครั้งแล้วอยากจะหยุดลง ณ วินาทีนั้น แต่สุดท้ายเขาก็บอกตัวเองว่า สู้ต่อเพื่อให้มีชีวิตรอดกลับไปให้ได้
(ภาพจากในภาพยนตร์)
แต่ทุกอย่างยังไม่จบ เขาต้องปีนเขาด้วยมือข้างที่เหลือกลับไปด้วยความทุลักทุเล เลือดสดๆ ไหลแทบตลอดเวลา แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่จนกระทั่งปีนกลับขึ้นมาได้ ทั้งที่หน้าผาที่เขาปีนขึ้นมานั้นสูงถึง 65 ฟุตเลยทีเดียว
(ภาพจากในภาพยนตร์)
อารอนพยายามรวบรวมแรงที่เหลือลุกขึ้นแล้วเดินด้วยต่อไปอีกถึง 8 ไมล์ด้วยสภาพร่างกายที่เจ็บปวด แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีที่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เอาชนะความหวาดกลัวของตัวเองมาได้สำเร็จ
(ภาพจากในภาพยนตร์)
โชคดีที่เขาได้รับการช่วยเหลือทันที และเรื่องราวของกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนว่า “อย่ายอมแพ้กับชีวิต” แม้จะต้องเสียอะไรสักอย่างไป แต่หากคุณกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความหวาดกลัว คุณย่อมประสบความสำเร็จ
ปัจจุบัน อารอนยังคงปีนเขาต่อไป และใช้ชีวิตด้วยหลักว่า อย่าประมาทกับทุกสิ่ง
เรื่องราวของเขาได้รับการถ่ายทอดเป็นหนังสือ และกลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง 127 Hour ในเวลาต่อมา
ข้อมูลจาก Mafia Sweety | wikipedia.org
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ