นักวิชาการวอนคนไทย อย่าตื่นตระหนกสงครามโลกครั้งที่3 ชี้ ขีปนาวุธถล่มซีเรีย แค่สั่งสอนกัน (มีคลิป)

Advertisement   Advertisement จากกรณีสถานการณ์ความตึงเครียด หลังกองทัพของสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกับประเทศซีเรีย โดยเชื่อว่าซีเรียมีศูนย์พัฒนาและการผลิตอาวุธเคมี อยู่ที่กรุงดามัสกัส และเมืองฮอมส์ในซีเรีย ซึ่งสร้างความหวั่นวิตกต่อต่างชาติว่าจะก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามมา     (16 เม.ย.) ทีมข่าวเดินทางมาพูดคุยกับ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐกิจและการเมือง เปิดเผยว่า จากเหตุโจมตีทางอากาศในประเทศซีเรีย ส่งผลให้สถานที่ผลิตอาวุธเคมี, ที่เก็บอาวุธเคมี และการวิจัยและพัฒนา (R&D Research and Development) ซึ่งเป็นเป้าหมายของชาติตะวันตก ฉะนั้น ผลกระทบที่มีต่อซีเรีย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นั้นแทบไม่มีผลเลย เพราะอย่างไรก็ตาม ซีเรีย อิหร่าน และรัสเซีย ก็ยังชนะอยู่ เพียงแต่ชาติตะวันตกเล่นงานเพราะกำลังเป็นผู้แพ้ จึงต้องการรักษาหน้าตัวเอง และต้องการที่จะสั่งสอนซีเรียไม่ให้มีการใช้อาวุธทางด้านเคมี รวมถึงตัดความสามารถทางการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ รศ.ดร.สมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการถกเถียงว่าในซีเรียมีการผลิตอาวุธเคมีจริงหรือไม่นั้น ในการที่ผู้นำจะตัดสินใจทางการเมืองใดๆ ซึ่งหากว่ามันไม่มีการผลิตอาวุธนิวเคลียร์จริง เพียงแต่ตั้งประเด็นที่จะเล่นงาน ต้นทุนในการเล่นงานนั้นคงจะสูงมาก เพราะหากผิดพลาดนิดเดียวจะส่งผลกระทบต่อปัญหาการเงินระหว่างประเทศได้ ตนจึงมองว่าผู้นำตะวันตกน่าจะมีเหตุผลเพียงพอในการโจมตี ไม่น่าจะเป็นการกล่าวหากันเพียงอย่างเดียว […]

ด่วน! กองทัพสหรัฐและชาติพันธมิตรเปิดฉากถล่มซีเรียแล้ว!

  เมื่อวันที่ 14 เม.ย. บีบีซีรายงานว่า กองทัพสหรัฐอเมริกา และชาติพันธมิตร ได้แก่ อังกฤษ และฝรั่งเศส เปิดปฏิบัติการทางทหารโจมตีเป้าหมายที่คาดว่าเป็นคลังเก็บอาวุธเคมีของกองทัพซีเรีย ในประเทศซีเรียแล้ว แม้ที่ผ่านมา ทางการรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรของซีเรียขู่ว่าอาจก่อให้เกิดสงครามครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียก็ตาม ขณะที่นายอันโตนิโอ กูร์เตเรส เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า สงครามเย็นกลับมาแล้วด้วยความคลั่งแค้น และกลไกของยูเอ็นที่มีเพื่อใช้ป้องกันสงครามซึ่งเคยมีอยู่ในอดีต ไม่มีอยู่อีกต่อไป ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ นางเธเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และประธานาธิบดีเอมมานูแอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เห็นพ้องต่อภารกิจตอบโต้การใช้อาวุธเคมีโจมตีต่อพลเรือนในเมืองดูมา แคว้นกูตาตะวันออก มีผู้เสียชีวิตกว่า 70 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก ในจำนวนนี้ มีผู้มีอาการว่าโดนแก๊สคลอรีนกว่า 500 คน ซึ่งยืนยันแล้วจากคณะผู้เชี่ยวชาญหน่วยงานกลางที่เพิ่งลงพื้นที่ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด แต่ทางการสหรัฐและชาติพันธมิตร ระบุว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย อยู่เบื้องหลังการโจมตี ก่อให้เกิดการถกเถียงและโทษกันไปมาอย่างดุเดือด     นายกูร์เตเรส กล่าวว่า […]

error: