อดีตแอมเนสตี้ ชี้’วุธ’ มีโอกาสกลับใจ ยก ‘หมอวิสุทธิ์’เป็นตัวอย่าง ประหารไม่ใช่ทางออก(คลิป)

Advertisement   Advertisement จากกรณีที่มีการพบศพ น.ส.ลักษณา กำลังเก่ง หรือ “เมย์” อายุ 24 ปี ถูกโยนทิ้งในป่าซอยสามวา ตรงข้ามโรงงานที่นอนดาริ่ง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา โดยตำรวจสามารถจับกุมนายธนกฤต ประกอบ หรือ “วุธ” อดีตแฟนหนุ่มได้เมื่อ 23 มิ.ย. 61 ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือจริง โดยจากพฤติกรรมการก่อเหตุที่โหดเหี้ยม ทำให้กระแสสังคมบางกลุ่มมองว่าคดีนี้ผู้ต้องหาควรถูกตัดสินประหารชีวิต วันที่ 24 มิ.ย. 61 นางสมศรี หาญอนันทสุข กรรมการสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน มูลนิธิเพื่อนหญิง อีกทั้งยังเป็นสมาชิกปัจจุบัน และอดีตประธานองค์กรสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า คดีฆ่าหั่นศพที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากคดีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงคดีอื่น ๆ เพราะผลที่เกิดขึ้นคือเหยื่อเสียชีวิตเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างถึงคดีของ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินารีแพทย์ ที่หั่นศพภรรยาของตนเอง แล้วก็ใช้ชีวิตตามปกติอย่างแนบเนียน จนกระทั่งตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ โดยระหว่างที่ถูกจำคุก นพ.วิสุทธิ์ ปฏิบัติตัวดีและทำประโยชน์มาโดยตลอด จนกระทั่งได้ออกจากเรือนจำ และเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ตนจึงมองว่าผู้กระทำผิดไม่ได้เป็นอาชญากรโดยกำเนิด แต่เพราะหึงหวงจึงกระทำผิด ซึ่งเป็นอารมณ์ชั่ววูบ   […]

ตกเป็นจำเลยสังคม! สาวเซเว่นแฟนฆาตกรหั่นศพ ปฏิเสธเอี่ยวคดีด้วย ลั่น ‘รอดมาได้ก็บุญแล้ว’

  สาวเซเว่น พ้อ ถูกคนซ้ำเติม หลัง ‘ไอ้วุธ’ ชายที่คบหาถูกจับเพราะหั่นศพแฟนเก่า บอก รอดมาได้ก็บุญขนาดไหน… จากกรณี นายธนกฤต ประกอบ หรือ วุธ ผู้ต้องหาหั่นศพแฟนเก่า จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องไม่หยุด โดยเฟซบุ๊กของเจ้าตัวก็มีการลงรูปสาวเซเว่นคนหนึ่งที่อ้างว่าคบหากันอยู่ พร้อมทั้งโพสต์หวานไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง จนทำให้สังคมส่วนหนึ่งเข้าไปด่าทอสาวเซเว่นคนนี้มากมาย ขณะที่บางส่วนก็บอกว่าอย่าเพิ่งตัดสินใจเพราะเธออาจจะไม่เกี่ยวข้องก็ได้ ล่าสุด สาวเซเว่นที่ถูกพาดพิงได้ออกตอบคอมเมนต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในทำนองว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย รูปในเฟซบุ๊กที่ถูกนำไปลงก็เป็นรูปเก่า ที่รอดมาได้ตอนนี้ก็ถือว่าบุญขนาดไหน ทำไมมาซ้ำเติม และจะไม่ปิดเฟซบุ๊กด้วยเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยเข้ามาให้กำลังใจสาวเซเว่นรายนี้ พร้อมทั้งติดตามคดีด้วยว่าจะดำเนินต่อไปในทิศทางใด           ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์

error: