เปิดเงินเดือน “พิธา” สำนักเลขา ฯ สภา ต้องจ่ายย้อนหลัง 6 เดือน

Advertisement (25 มกราคม 2567) “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล กลับเข้าสภาครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ในฐานะ สส. ที่มี 1 สิทธิ์ 1 เสียง เท่ากับ 499 เสียงในสภา Advertisement ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “พิธา” หยุดปฎิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนถึงวันที่มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 คืนสถานะความเป็น สส.- พ้นมลทินจากคดีถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) Advertisement เป็นเวลากว่า “ครึ่งปี” ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีราคา-ค่างวดเป็น “ตัวเงิน” ที่ต้อง “จ่ายย้อนหลัง” ให้ “พิธา” เป็นเงินประจำตำแหน่ง-เงินเพิ่ม ไม่นับ “ค่าเสียโอกาส” เดือนละ 113,560 บาท ดีดลูกคิดเบ็ดเสร็จรวมเป็น […]

“พิธา” เยือนถิ่นเก่า “ฮาร์วาร์ด” บรรยายชั้นเรียนศูนย์เอเชียศึกษา

“พิธา” เยือนถิ่นเก่า “ฮาร์วาร์ด” บรรยายชั้นเรียนศูนย์เอเชียศึกษา ชี้ปัญหาประชาธิปไตยถดถอยกำลังเป็นทั่วโลก “เสรีนิยมใหม่-ความเหลื่อมล้ำ” ทำคนตั้งคำถามประชาธิปไตยหนัก เสนอโลกต้องออกแบบโครงสร้างการเมือง-เศรษฐกิจร่วมกันใหม่ให้จัดสรรอำนาจเป็นธรรม-ดอกผลทางเศรษฐกิจกระจายถึงทุกคน หวังในอนาคตได้เป็นสะพานเชื่อม พาไทยร่วมสร้างโลกใหม่กับทุกคน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายเยือนสหรัฐอเมริกา ได้รับเชิญจากศูนย์เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้เป็นผู้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Moving Forward : Thailand, ASEAN & Beyond” (ก้าวไปข้างหน้า : ประเทศไทย อาเซียน และโลก) ท่ามกลางนักศึกษาและผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยาย นายพิธา เริ่มการบรรยายโดยระบุว่าในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตนเคยนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนทุกคน และสิ่งที่ตนได้รับการศึกษาจากที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นวิชาการเมืองเปรียบเทียบ พรรคการเมือง ฯลฯ คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จของตน จากการเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในตำราให้เป็นความจริง ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ จากจุดเริ่มต้นที่ตนเคยเป็นเพียงแค่ผู้นำอ่อนหัดของพรรคการเมืองที่มีอายุเพียง 3 ปี ในเกมที่ออกแบบมาเพื่อให้เราแพ้ การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิศดาร กติกาในรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นคุณกับเรา แต่เราก็ชนะมาได้ ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนกำลังศึกษาอยู่ที่นี่ สามารถกลายเป็นความจริงได้ เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการรณรงค์ทางการเมืองของทุกคนในอนาคตได้ โจทย์ต่างๆ ที่ทุกคนได้รับจากชั้นเรียนที่ฮาร์วาร์ดนี้ ทั้งการเตรียมพาวเวอร์พอยนต์นำเสนอ การประชุมกลุ่ม […]

“พิธา” ติดโผ 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต “Times 100 Next” ของนิตยสารไทม์

นิตยสารไทม์ (Times) เปิดเผยรายชื่อ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต Times 100 Next โดยแบ่งแยกออกเป็น 5 หมวดหมู่ ประกอบด้วย ศิลปิน (Artists), ผู้สร้างปรากฏการณ์ (Phenoms), ผู้สร้างนวัตกรรม (Innovators), ผู้นำ (Leaders) และผู้ให้การสนับสนุน (Advocates) โดยมีชื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ติดโผเป็น 1 ใน 100 รายชื่อของ Times 100 Next ซึ่งนายพิธาถูกคัดเลือกให้อยู่ในหมวดหมู่ผู้นำ (Leaders) นิตยสารไทม์ ระบุถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่า “สิ่งเดียวที่น่าทึ่งยิ่งกว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คือวาระอันสุดโต่งที่เขาพยายามดิ้นรน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย พรรคก้าวไกล ของบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับคะแนนเสียง 38% ในเลือกตั้งของประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม” “แต่เส้นทางสู่อำนาจของพิธาถูกขัดขวาง […]

ชาวเชียงใหม่พ่นสีสเปรย์ใส่ป้ายริมถนน “ทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ” สภ.แม่ปิงเข้าดำเนินการแล้ว

27 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ป้ายบอกทาง ริมถนนเจริญเมืองหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบป้ายบอกสถานที่ ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ มีคนนำสีสเปรย์แบบกระป๋อง พื้นป้ายพ่นสีขาว ตัวหนังสือสีม่วง เขียนข้อความระบุว่า “ทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ” ซึ่งหมายถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล กรณีที่พรรคก้าวไกลได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลแล้วไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เสียงโหวตในสภาผู้แทนราษฎรไม่ผ่าน เพราะเสียง สส. และ สว.ส่วนใหญ่ โหวตไม่เห็นชอบ และเกิดปัญหาทางการเมืองของนายพิธา อีกหลายๆ เรื่อง จนทำให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วนั้น ซึ่งทำให้ชาวเชียงใหม่ส่วนหนึ่งไม่พอใจ เพราะชาวเชียงใหม่ส่วนใหญ่เทใจให้พรรคก้าวไกล เลือกชนะถึง 7 เขตจาก 10 เขต จึงพ่นสีสเปรย์ถาม ดังกล่าว ซึ่งหากใครขับยานพาหนะไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ขับผ่านไปถนนหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ ก็จะเห็นชัดเจน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.แม่ปิง เจ้าของพื้นที่ได้มาจัดการกับป้ายที่เขียนข้อความ โดยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แล้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการแก้ไข ข้อความดังกล่าวต่อไปแล้ว   ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์

“พิธา” ให้กำลังใจ ครม.ชุดใหม่ ทวงสัญญา “เพื่อไทย” ดันนโยบายกระจายอำนาจ-ปฏิรูปกองทัพ

27 ส.ค. 2566 ที่วัดพระยาสุเรนท์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงหน้าตาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ว่า ทั้งให้กำลังใจและกังวลใจในหลายเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลจะทำ ทั้งการกระจายอำนาจ และความเท่าเทียม รวมถึงการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ให้สัมภาษณ์ไว้ และพรรคก้าวไกลก็เตรียมจะผลักดัน “ส่วน ครม. ก็ขอให้กำลังใจ และหวังว่าจะเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ส่วนสัญญาประชาคมที่ยึดโยงประชาชนไว้ ขอให้ทำให้สำเร็จ” นายพิธา กล่าว เมื่อถามว่าการยกเลิกเกณฑ์ทหารจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ หากพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นรมว.กลาโหม นายพิธา กล่าวว่า ต้องให้โอกาสดู ตนเชื่อว่าหากเป็นสิ่งที่สังคมและประชาชนต้องการ เพื่อให้กองทัพทันสมัย สามารถดูแลพลทหารอย่างมีสิทธิมนุษยชน ให้มีการตอบแทนที่เหมาะสม ตนคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อกองทัพ สังคม และประเทศชาติมากที่สุด   ข่าวจาก : ข่าวสด

พิธา ยัน 112 แค่ข้ออ้าง มั่นใจไม่มีเรื่องนี้ ก็อ้างอย่างอื่นอยู่ดี

17 กรกฎาคม ที่อาคารไทยซัมมิท นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของการหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ในการโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯว่า หลังจากวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกับ ส.ว. โดยมีทั้งคนที่ไม่ได้มาร่วมโหวตออกเสียงในวันนั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะโหวตสนับสนุน เมื่อถามว่า นายพิธาได้ต่อสายตรงคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ข้อเท็จจริงและท่าทีเป็นอย่างไร นายพิธากล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่หารือถึงประเด็นทางการเมืองกับเพื่อน ส.ส.และ ส.ว. ในสภา หรืออยากจะหาข้อมูลก็จะมีการพูดคุยกัน ไม่มีการเชิญเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งที่มีกระแสข่าวออกมาว่า คุยกับทุกพรรค ยกเว้นพรรคลุง ได้มีโอกาสพูดคุยว่าสถานการณ์นี้มีความคิดเห็นอย่างไร เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง ไม่มีการโทรไปขอคะแนนเสียง ยืนยันเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนทางการเมือง ไม่มีการพูดถึงเรื่องการขอเสียงสนับสนุน เป็นเรื่องปกติที่มีการคุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค ไม่ใช่มาเริ่มพูดคุยสัปดาห์นี้ ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า นายพิธาโทรไปเพื่อขอคะแนนเสียงนั้น นายพิธากล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด เป็นแค่การหารือประเด็นการเมือง เมื่อถามว่า มีความต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เป็นมติของ 8 พรรค เมื่อถามว่า การโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 […]

กกต.แจง ไม่ได้เร่งรัดพิจารณา ส่งศาล รธน.วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. “พิธา”

13 ก.ค. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.ขอชี้แจง กรณีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามที่ กกต.ได้ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีสมาชิกภาพของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 นั้น กกต.ขอชี้แจงว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน ตามมาตรา 82 วรรคสี่ บัญญัติว่า “ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร… มีเหตุสิ้นสุดลง… ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย…” การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย กกต.ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ กล่าวคือ มาตรา 82 วรรคสี่ บัญญัติให้ กกต.เป็นผู้ใช้อำนาจโดยตรง สามารถส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้ กรณีดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเรื่องการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือการกระทำอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกตั้ง มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือมิได้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จะต้องนำบทบัญญัติตามมาตรา 43 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 และ ข้อ 54 ของระเบียบ กกต. […]

“พล.ท.พงศกร” ชี้ ถ้าประธานสภาไม่ใช่ก้าวไกล จะโหวตพิธาได้รอบเดียว

1 กรกฎาคม 2566 พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก มีความว่า วันพรุ่งนี้ไม่ว่าการเจรจาระหว่างสองพรรคใหญ่จะออกมาอย่างไร ขอให้คิดไว้เสมอว่าที่ประชาชนลงคะแนนให้จนชนะฝ่าย 2 ลุงมาได้อย่างเด็ดขาดนั้น ก็เพื่อให้มาช่วยกันถอนราก ถอนโคน เครื่องมือ กลไก ในการครองอำนาจของฝ่ายอำนาจนิยม พรรคการเมืองที่อนุรักษ์นิยมจนออกนอกหน้าแทบไม่มีใครเลือก ไม่มีผู้แทนเข้ามาได้เลยเป็นส่วนใหญ่ พรรคการเมืองฝ่ายอำนาจนิยมสนับสนุน คสช.หรือเป็นนั่งร้านให้แทบหมดจากเวทีการเมือง เรื่องนี้เป็นเจตจำนงของประชาชน ควรเอาตรงนี้เป็นตัวตั้ง และเข้าใจความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกัน แม้นโยบายและแนวทางของสองพรรคจะแตกต่างกันเป็นฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ก็ควรมาแข่งกันในการเลือกตั้งรอบหน้า รอบนี้เอาประชาชนก่อน ในส่วนของพิธา ถ้าประธานสภาไม่ใช่ของก้าวไกล คงมีโอกาสเสนอเพียงครั้งเดียว ไม่มีโอกาสที่ประชาชนจะแสดงเจตจำนงที่หนักแน่นสนับสนุนจน ส.ว.เปลี่ยนใจได้เพราะยังไม่มีเหตุ ซึ่งเข้าใจได้ถึงการชิงเหลี่ยมทางการเมืองแบบคนเก๋าเกมส์เขาทำกันในการเมืองแบบที่ผ่าน ๆ มา คำถามคือ ประชาชนอยู่ตรงไหน เพราะโพลที่ถามว่าคนไม่เอาพิธามีน้อยที่สุด และต้องการพิธาก็มาอันดับหนึ่ง ปล่อยไปตามครรลองจะดีกว่าไหม เพราะไม่ว่าใครจะมาแทนพิธาก็จะปกครองด้วยความยากลำบากทั้งนั้น ในฝั่งของพี่ป้อมถ้ารวบรวมเสียงได้ ก็ต้องเอาจากฝั่งที่ประชาชนเลือกให้มาเลิกระบอบ คสช.หากฝืนเข้ามาจะอลหม่านหนัก ในฝั่งกันเอง ถ้าให้พิธารอบเดียว ในเวลานั้นหากบังเอิญพี่ป้อมยังไม่ผ่านซึ่งเป็นไปได้ยาก ขั้นที่สามนี้จะกลับมาที่ฝั่ง 8 พรรคก็ต้องเป็นเพื่อไทย เกิดทางผู้มีอำนาจต้องการทำลายพรรคเพื่อไทยก็ง่าย แค่ให้ ส.ว.และ บางส่วนในพรรคฝ่ายรัฐบาลที่เป็นของ […]

เปิดบทลงโทษ “ม.151” กกต.ตั้งธงหนัก สอบพิธา แรงถึงจำคุก-ตัดสิทธิ20ปี เทียบเคียง “สิระ”

มติเอกฉัทน์ กกต. 6 เสียง ไม่รับ 3 คำร้องที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส. จากกรณีการถือหุ้น บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะกกต.เอา “เชื้อ” จาก 3 คำร้องดังกล่าว มาสั่งตั้ง “คณะกรรมการสืบสวนไต่สวน” ลุยสอบเอง ในประเด็นการฝ่าฝืนมาตรา 42 (3) และมาตรา 151 ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ต่อไป โดยเฉพาะในคดีอาญาว่า นายพิธารู้ว่าไม่มีสิทธิ เพราะมีลักษณะต้องห้าม แต่ยังฝืนลงเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งในกรณีนี้เทียบเคียงได้ในคดีที่ นายสิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เคยโดน จากกรณีที่ถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขุดอดีตพบว่า เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุด “ฐานฉ้อโกง” จากศาลแขวงปทุมวัน สั่งจำคุกนายสิระ ในคดีหมายเลขดำที่ […]

เจ้าของสุราพื้นบ้านเมืองสกล “ออนชอน” ขอบคุณ “พิธา” ทำยอดขายพุ่ง คนสกลนครแท้ ๆ ยังเพิ่งรู้ว่ามีตัวนี้

5 มิ.ย. 2566 – จากกระแส “สุราก้าวหน้า” หลัง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดถึง จนทำให้สุราพื้นบ้านในหลาย ๆ จังหวัด ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยม สังคมหันจับจ้องสนใจสุราพื้นบ้าน จนสินค้าหมดเกลี้ยงโรงงาน นายธรรมวิทย์ ลิ้มเลิศเจริญวนิช เจ้าของผลิตภัณฑ์ ออนซอน จาก จ.สกลนคร กล่าวว่า ตอนนี้สินค้าในสต๊อกหมดเกลี้ยง และกำลังการผลิตต้องใช้เวลา เนื่องจากสุราชุมชนมีเวลาในการผลิตจากปัจจัยของโรงผลิตขนาดเล็ก ซึ่งน่าจะทำให้สุราชุมชนขาดช่วงไป ในเรื่องข้อกฎหมายทุนผูกขาด ตอนนี้ทุกคนพยายามเรียกร้องในการแก้กฎหมายเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเรื่อง พ.ร.บ.จะมีหลายเรื่องที่ทำให้เราโตไม่ได้ หรือเรียกว่ามันไม่แฟร์กับคนทำงานเกี่ยวกับพวกนี้ แต่หลัก ๆ คือเรื่องของการห้ามโฆษณาตาม ม.32 พอ คุณพิธา พูดเกี่ยวกับกระแสสุราชุมชน สุราออนซอน ก็เป็นที่รู้จักขึ้นมาทันที จนคนสกลนครแท้ ๆ ยังไม่รู้เลยว่ามี สุราออนซอน เพราะว่าเราพูดไม่ได้ เราบอกไม่ได้ว่าทำสุราที่สกลนคร บางร้านที่นำไปฝากจำหน่ายให้เราเขาไม่สามารถเอาสุราเราไปขายได้ปริมาณเท่านั้นเท่านี้ เพราะว่าติดสัญญากับบริษัท นายธรรมวิทย์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้พอเป็นกระแส เกรงว่าจะเป็นไฟลามทุ่งรีบซื้อ รีบมี […]

1 2
error: